ในหนึ่งวันที่มี ๒๔ ชั่วโมงกับการใช้เวลาเพื่อแลกเปลี่ยนพื้นที่ความสุข สมหวังและผิดหวัง  ห้วงขณะของอารมณ์รู้สึก ลึก ๆ แล้วปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกสิ่งที่เราต้องการย่อมมีได้-มีเสียปะปนกัน การยอมรับและเข้าใจ มองเห็นภาพความงดงามที่เป็นภาพรวม เสมือนการปีนป่ายไปบนยอดเขาที่สูงชันไม่ว่าจะต้องพบเจอกับสิ่งใด อุปสรรคทางกายภาพภายนอกและต้องคัดง้างกับความรู้สึกขัดแย้งกับตัวตนภายในจิตใจ เราจะใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อให้ได้ทุกสิ่งตามปราถนาโดยไม่ต้องแลกเปลี่ยนกับสิ่งใดย่อมเป็นไปได้ยาก 

ในหนึ่งวันกับการเดินทางไปที่ใดสักแห่งนั้นย่อมมีผลต่อการดำรงชีวิตที่เหลือ จะหนึ่งสัปดาห์หรือ ๓๖๕ วัน ทุกสิ่งที่เราได้สัมผัสล้วนต้องเปิดใจรับรู้และมองเห็นความจริงอีกด้าน 

เสียงเครื่องยนต์เสือภูเขาดังใกล้เข้ามา ไม่นานนักภาพของพระสงฆ์รูปหนึ่งนั่งอยู่หลังพวงมาลัยเสือภูเขากับฝูงสุนัขที่วิ่งกระหืดกระหอบตามมา ผมยกมือไหว้ท่าน-ท่านก็ยิ้มรับก่อนจะกลับรถให้ผมกับพี่สาวขึ้นรถเสร็จสรรพ เจ้าเครื่องยนต์ทำหน้าที่ของมันเต็มความสามารถ ไต่ขึ้นเนินเขาสูงชันไปเรื่อย ๆ ส่วนฝูงสุนัขก็วิ่งไล่ตาม แม้จะรู้สึกหวาดเสียวอยู่ภายในความคิด แต่ผมพยายามสลัดความกลัวด้วยมองดูธรรมชาติรายรอบสองฝั่งถนน เสียงรถหยุดกึก ใจก็หล่นวูบ ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าพระอาจารย์ผมก็ต้องข่มใจ ให้เชื่อมั่นในความคุ้นชิน เพราะทุก ๆ เช้าท่านจะบังคับเจ้าเสือภูเขาลงเขากะไดม้าเพื่อบิณฑบาตรในชุมชน 

กว่าจะข้ามอุปสรรคทางธรรมชาติไปได้นั้นมนุษย์ต้องพยายามเท่าไหร่ ? ยิ่งเห็นผิวถนนที่สร้างระยะแรกเป็นคอนกรีตกระทั่งมาถึงบริเวณที่แผ่นหินขนาดใหญ่ที่ตัด สกัดจนเป็นแผ่นหินเรียบนำมาปูเป็นทางถนน กว่ารถเสือภูเขาจะเคลื่อนผ่านแต่ละโค้งมองไปเบื้องล่างเห็นแนวสันเขาถ้าหากไม่ชำนาญเส้นทางก็อาจเป็นไปได้ที่ผมจะกระเด็นตกเขาแน่นอน  การไว้วางใจคือสิ่งหนึ่งที่เราต้องเรียนรู้ไม่ว่าทางสายนั้นน่ากลัวขนาดไหน ? ถ้าหากมีคนนำทางที่ชำนาญ ที่ทำทุกวันด้วยความปกติ อย่างน้อยเขาก็รู้ทิศ รู้ทางหลบเลี่ยงและนำพาเราไปถึงจุดหมาย ไม่นานนักหลังจากผ่านโค้งสันเขามาหลายโค้ง จนกระทั่งเห็นลานวัด ศาลาที่พัก กุฎิพระสงฆ์และบันไดทางขึ้นไปยังเจดีย์พุทธคยา

ใต้ร่มเงาไม้แมกไม้และทิวเขาที่มองไปทางไหนก็มีสีเขียวขจี ดอกไม้หลากสีผลิบาน ผมพูดคุยกับพระอาจารย์สักพักก็ขอตัวไปสถานที่แห่งหนึ่งลมพายุพัดจนต้นไม้โค่นล้มทับเส้นทางอาตมามาอยู่ที่นี่ก็หลายปียังไม่เคยเห็นภาพที่เขาเล่าว่าเลย พระอาจารย์กล่าวเตือน

“ไหน ๆ ก็ตั้งใจมาถึงแล้วอยากไปให้เห็นเป็นบุญตาสักครั้ง”ผมตอบแล้วมุ่งหน้าไปยังชะง่อนผา เมื่อเดินฝ่าซากกิ่งไม้ที่หักทับเส้นทางจนมาถึงบริเวณเชิงผา มีแคร่ไม้ไผ่บางส่วนผุพังและร่องรอยของที่พักพิง กุฎิหลังหนึ่งยังคงอยู่ในซอกหินผมพยายามปีนขึ้นไปยังจุดสูงสุดของเนินหินที่เป็นปราการกั้นแดด ลม ฝน หยุดชะเง้อมองบริเวณพื้นที่วงกลมใหญ่ เพื่อจะหาภาพที่ว่ากันว่ามีมา หลาย ๑,๐๐๐ ปีแต่จนแล้วจนรอดก็มิอาจจะมองเห็นได้ ยิ่งนึกถึงคำของพระอาจารย์ที่บอกว่าท่านมาอยู่ ๑๐ กว่าปีก็ยังไม่เคยเห็นภาพก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกท้อใจ แต่ยังไม่ละความพยายาม เสิร์ชหาภาพจากอินเตอร์เน็ตที่ระบุจุดของภาพและอ่านข้อมูลที่กรมศิลปากรบอกว่า 

“พระอาจารย์อรัญชะอยู่ ประธานที่พักสงฆ์ เล่าว่าเมื่อก่อนบริเวณนี้เคยมีคนมาขุดหาของเก่า แต่ก็คนที่ขุดหาของเก่าก็เกิดอาการ ว่าที่นี่มีฝนตกฟ้าร้องและน้ำป่า พยายามจะว่ายน้ำหนี แต่เมื่อชาวบ้านมาพบก็เห็นว่าชาวบ้านคนนี้ เกิดอาการหลอน ว่ายน้ำอยู่บนดิน จึงเป็นที่มาของชื่อ ‘ถ้ำงั่ง’ นับแต่นั้นมา”

ส่วนภาพเขียนสีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ที่ปรากฎบนเพดานถ้ำแห่งนี้ เบื้องต้นพบเห็นมนุษย์ตัวใหญ่และตัวเล็ก แสดงออกถึงการแต่งกายและการล่าสัตว์  แต่ด้วยกาลเวลาผ่านไปพื้นผิวเพดานบางส่วนร่วงหล่น จึงทำให้ความสมบูรณ์ของภาพเขียนภายในวงกลมกร่อนลงเรื่อยๆ ยิ่งหาเท่าไหร่ก็ไม่ก็หาไม่เจอ จึงตัดสินใจโทรหาน้อง อสม.คนนั้น ปลายสายบอกว่าภาพน่าจะถูกใต้ตะไคร่น้ำที่เกาะปิดทับจนมองไม่เห็น 

ผมจึงละความพยายามก่อนจะเดินลงมา มองดูบรรยากาศรอบๆ เหมาะอย่างยิ่งต่อการยึดเป็นพื้นที่แหล่งอาศัยของคนยุคโบราณ อันที่จริงแล้วยังมีภาพเขียนสีสมัยก่อนประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่งที่เรียกกันว่าภาพคนหัวขาด ที่ถ้ำหัวขาด

แต่ผมเองก็รู้สึกเกรงว่าจะรบกวนเวลาพระอาจารย์ เลยตัดสินใจยุติไว้ด้วยการขึ้นไปดูเจดีย์พุทธคยาและพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่เด่นสง่าอยู่บริเวณจุดชมวิวเห็นธรรมชาติรายล้อมด้วยป่าไม้สีเขียวขจีสลับแนวสันเขาหลายลูก  ในฤดูฝนให้รู้สึกผ่อนคลายอารมณ์ ความคิด ธรรมชาติช่างงดงามโดยมิต้องแต่งแต้มสีสัน บนฟากฟ้าเมฆหลากทรวดทรงกำลังเดินทางไปกับสายลม เบื้องล่างสายน้ำไหลลัดเลาะไปตามซอกเขา พาดผ่านชุมชน มีเส้นถนนตัดผ่านกลางชุมชนเล็กๆ ไกลออกไปมีนาขั้นบันได

เพียงเท่านี้ก็ทำให้ผมรู้สึกได้ว่าการเดินทางไปยังจุดหนึ่งเราอาจคาดหวังถึงผลลัพธ์ที่เรามุ่งหมาย แต่ถ้าไม่ได้อย่างที่วาดไว้ เราก็ควรปรับเปลี่ยนและเปิดใจยอมรับ เมื่อถึงแก่เวลาผมก็ กลับมานั่งจิบกาแฟ สนทนากับพระอาจารย์สักพัก ก็รบกวนพระอาจารย์ท่านขับเจ้าเสือภูเขาไปส่ง ระหว่างทางนั้นก็รู้สึกเสียววาบหายใจไม่ทั่วท้องยิ่งผมนั่งอยู่ด้านหน้าและพื้นที่แต่ละโค้ง ความคิด-จินตภาพหากล้อเจ้าเสือภูเขาเกิดสะดุดก้อนหิน ผมอาจกระเด็นตกเขา ไม่อยากจะคิดถึงภาพที่ชวนสยอง ด้วยความสูงชัน ด้วยความลื่นไถลแต่อีกด้านก็ต้องยอมรับในความสามารถของพระอาจารย์ที่พยายามบังคับเสือภูเขาคู่ใจ จนนำมาถึงตีนเขาด้วยความปลอดภัย ในขณะที่ฝูงเจ้าสุนัขที่วิ่งอารักขามาตลอดทาง แม้จะเหนื่อยหอบ แลบลิ้นแต่พวกมันก็ไม่ยอมละทิ้งพระผู้ดูแลให้อาหาร

“เดิมทีอาตมาเลี้ยงไว้แค่สองตัว แต่ทำไปทำมาก็มาอยู่เรื่อยๆ นี่ก็เจ็ดแปดตัวแล้ว บิณฑบาตมาพวกมันก็ได้กิน แต่อาตมาฉันเพียงมื้อเดียว บางตัวจึงลงเขาแล้วหายไป” ผมและพี่สาวกราบนมัสการลาพระคุณเจ้า ขณะที่ท่านกลับรถเองแล้วอุ้มเจ้าหมาตัวเล็กให้ขึ้นนั่งบนตัก ระหว่างขับรถ …บางตัวก็อยากจะขึ้นแต่เชื่อในสี่ขาของมันที่ยืนหรือวิ่งได้เองมากกว่า 

เสียงเครื่องยนต์รถเจ้าเสือภูเขาค่อย ๆ  ห่างออกไปภาพของอาจารย์ ฝูงสุนัขก็ค่อย ๆ เลือนหายไป อีกวันหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้มาถึงจุดหมายปลายทางด้วยความปิติสุข เดินข้ามสะพานแขวน มองสายน้ำสีขุ่นที่ไหลเอื่อย หากแต่ตอนนี้เจ้าถิ่นผู้นำทางตัวนั้นหายไปเสียแล้ว เวลาทั้งชีวิตกับทุกสิ่งที่คุณต้องการจะประสบผลสำเร็จได้นั้นก็ต้องมีที่มาจากหัวใจที่ไม่ยอมจำนน…ต่อทุก ๆอุปสรรค

*กราบนมัสการพระคุณเจ้าและท่านเจ้าอาวาสวัดเขากะไดม้าที่อนุเคราะห์รับส่งผมและพี่สาวในการไปเยี่ยมชมวัด รู้สึกเสียดายนิดหน่อยที่ไม่มีบุญตาได้เห็นภาพจิตรกรรมโบราณ หากแต่ภาพความประทับใจยังตราตรึงอยู่ทุกขณะและหวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าโอกาสหน้าคงได้กลับเยือนวัดเขากะไดม้าอีกซักครา…เพื่อมาดูภาพมรดกที่บรรพบุรุษได้เขียนบันทึกเป็ภาพเขียนสีสมัยก่อนประวัติศาสตร์เอาไว้.

อ่านข้อมูลที่เกี่ยวข้อง 

ศิลปะถ้ำที่พบในแหล่งโบราณคดีเขากะไดม้า : https://www.finearts.go.th/fad6/view/21123-ศิลปะถ้ำที่พบในแหล่งโบราณคดีเขากะไดม้า

ภาพเขียนสีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ แหล่งโบราณคดีเขากะไดม้า : https://www.thairnews.com/กรมศิลปากรพบภาพเขียนสี/ภาพเขียนสีสมัยก่อนประว-3/