บันทึกคนหลงทาง : อัยย์ รินทร์

ภาพเหล่านี้ที่ผมได้ถ่ายเอาไว้ในช่วงยุคสมัยของวลีเด็ดที่ว่า “เอาอยู่” บางภาพหายไปจากไฟล์ที่เก็บไว้นับว่ายังดีที่ส่วนหนึ่งมีอยู่ในกูเกิ้ลโฟโต้และเฟสบุ๊ค เห็นภาพเหล่านี้แล้วอดนึกถึงฉากเหตุการณ์ต่างที่ประสบพบเจอด้วยเอง เสียไม่ได้ มันเริ่มจากการติดตามข่าวสารที่ตอนนี้มีวลีเด็ดมากมายตั้งแต่น้องน้ำหรือมวลน้ำหรืออะไรก็ตามที่สุดแท้แต่ประดาผู้มีอำนาจรังสรรค์ปั้นแต่ง

ภาพแรกฝูงสุนัขที่เห่าหอนจนไม่ได้หลับนอน พวกมันถูกเจ้าของทิ้งหรืออาจกระหนกตกใจจนลืมทิ้งไว้นับรวมฝูงนี้ประมาณ ๗ ตัว ที่ผมต้องลอยคอไปจับพวกมันมา แรก ๆ ก็เห่าขู่กรรโชก แต่พอคุยกันสักพัก(คุยกับสุนัขรู้เรื่องด้วย)จนยอมให้จับตัวมา อยู่บนแพขวดน้ำที่ทำไว้เพื่อใช้ในการขนย้าย พูดถึงแพขวดก็อดภูมิใจเสียไม่ได้เพราะสิ่งประดิษฐิ์ที่คนอื่นมองข้ามแต่แพนี้สามารถช่วยเหลือครอบครัวเพื่อนๆ พี่ ในหมู่บ้านในการขนย้ายสิ่งของและเด็กน้อยอพยพ

ความจริงอย่างหนึ่งคือสิ่งที่เราทำ โดยเฉพาะคนตัวเล็ก ๆ ที่ไม่ค่อยมีศักยภาพ มีอำนาจ หรือถ้อยคำที่แสดงถึงความเป็นผู้รู้ มีหลักการ มันเริ่มจากสิ่งแรกที่ทำก็แค่นำเสื้อผ้า น้ำดื่ม ข้าวสารอาหารแห้งไปบริจาคที่วัดมเหยงค์ ระหว่างนั่งรอเรือมารับของที่เจดีย์เก่าวัดสามปลื้ม และภาพที่เห็นเมื่อขึ้นรถสิบล้อเข้าไปในพื้นบริเวณวัดมเหยงค์ น้ำท่วมจนบางบ้านแทบไม่เห็นหลังคา

ในขณะที่พระสงฆ์ แม่ชี ชาวบ้านต่างช่วยกันขนของ เอาไม่อยู่แน่แล้วผมกลับมาเพื่อจบอกคนในหมู่บ้าน พยายามทุกวิถีทางที่จะอธิบายเพราะก่อนหน้านั้นก็ขับรถ ดูพื้นที่ในทุ่งคลองสอง คลองสี่หรืออีกหลายคลอง ไม่มีใครสนใจ และไม่มีคนรับฟัง กระทั่งน้ำเริ่ม “เอาไม่อยู่” คันดินที่กั้นสูงระดับอกหน้าหมู่บ้านของทุกหมู่บ้าน ถุงทรายที่ปิดทับลงไปในท่อระบายน้ำ หรือเครื่องสูบน้ำราคาแร้งทึ้งก็ซื้อหากันมา เพราะต่างคนต่างคิดว่านั่นคือวิธีการที่จะเอาชนะ สุดท้าย น้ำทะลุในโถชักโครก ท่อน้ำจนเริ่มท่วม

ฉากแรกที่คิดได้ในบ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นสถานรับดูแลคนชรา ภาพสายระโยงระยางแต่เจ้าของผู้ประกอบการอยู่ในที่ห่างไกล สุดท้ายวีโก้บรอนด์ทองของผมและของเพื่อนอีกคนก็ช่วยกันชนย้าย ลุง ๆ ป้า ๆ เหล่านั้นออกไป และสิ่งสุดท้ายที่ตัดสินใจคือผมโยนกุญแจรถตัวเองให้เพิ่อนพาครอบครัวและสุนัขของพวกเขาหนีน้ำได้ทันท่วงที

P1020459
ชายชราแจวเรือในคลองรังสิต

โดยไม่คิดว่าตัวเองจักต้องเจอสิ่งใด เพราะสิ่งที่เห็นและเป็นไปคือหมู่บ้าน หมู่บ้านใกล้เคียงถูกทิ้งร้างแม้แต่สุนัขตัวโปรดของพวกเขากลับถูกทิ้งไว้จนผมและเพื่อน ๆ ไปจับมาไว้เลี้ยงดูที่สโมสร บาดแผลจากน้ำกัดเริ่มแผ่ขยายจากซอกนิ้วเท่า แผ่นหลัง บางค่ำคืนขณะหลับยังมีหญิงชราคอยแอบทายาให้ ในช่วงกลางวันที่ความคิดงี่เง่าจากเรื่องน้ำมีขึ้นมีลงและไหลวนเป็นคลื่นใต้น้ำ ผมดำผุดดำว่ายมุดลงไปตรงท่อระบายน้ำเอาถุงทรายที่ถูกทับถมลงไปขึ้นมา ใช้พลั่ว จอบและ สองมือของตนเองเพื่อเปิดช่องทางให้น้ำได้ไหลไม่ท่วมขังจนมีกลิ่นเน่าเหม็น เพราะคนตัวเล็กๆ ที่ไม่มีความรู้  ไม่มีความน่าเชื่อถือ สุดท้ายถุงทรายที่ผมงมขึ้นมาก็มีคำสั่งจากท่านประธานให้รปภ-นำกลับไปถมดังเดิม

เล่าถึงตอนนี้มีบางสิ่งที่จะเลยข้ามไปเสียไม่ได้เมื่อระดับเริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ หลายชีวิตที่อยู่อาศัยไม่อพยพ สิ่งที่เห็นเบื้องต้นคือระดับน้ำค่อย ๆ สูงขึ้นใกล้ที่มิเตอร์ไฟฟ้าหลักหน้าหมู่บ้าน คน ๆ หนึ่งที่เสียสละความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นโดยไม่มีใครจะรับรู้สนใจ แต่ผมใช้คำบางคำให้เขาลอยคอไปเคลื่อนย้ายยกให้สูงขึ้น มันคือชีวิตหนึ่งถ้าหากเขาทำผิดพลาด แต่มันก็ผ่านพ้นไป

P1020547

…. ภาพที่สองผมถ่ายขณะนั่งเรือเพื่อเข้าไปในหมู่บ้านชายชราใช้เรือแจวสัญจร ในขณะที่ผมเดินทางอ้อมจากโรงแรมที่ทำงาน ไปซื้อกับข้าวประเภทเนื้อผัก ที่ขาดไม่ได้คือสิ่งจรรโลงใจของน้อง ๆ เพื่อนที่อยู่ดูแลผู้คนในหมู่บ้าน เหล้า ยา ผัก เครื่องปรุงต่าง ๆ ที่แบกไว้บนหลังลอยคอเข้าหมู่บ้าน โดยไม่รบกวนใคร แต่ยังไม่ทันหายเหนื่อยได้ยินท่านประธานกำลังเข้ามาขอให้ใครก็ได้พายเรือไปรับ

เอ่ยถึงเรื่องเหล้า ที่ซื้อมา ก็มีบางคำผู้หลักผู้ใหญ่ที่ว่า พวกผมกินแต่เหล้าส่งเสียงดังเอะอะโวยวาย เมื่อได้ฟังคำเหล่านี้เรากลับมาพิจารณาตัวเองจึงอยู่เงียบ ในค่ำคืนมืดสนิท เรานั่งอยู่ในห้องสโมสรไม่มีเสียงเพลง ไม่ไฟฟ้าแต่มีใครบางคนที่ปีนกำแพงข้ามมาและเสียงวิทยุจากหมู่บ้านใกล้เคียงบอกว่า “มีผู้ไม่ประสงค์ดี”  นั่นจึงทำให้พวกผมไปจับขโมยกลุ่มนั้นได้อย่างละม่อม พระเลี่ยมทอง สร้อยทอง ของมีค่า

อะไรกันคือความแน่นอนในชีวิต คำว่า คน คำว่าเสียสละ มันไม่มีค่าอะไรเลย ไม่ว่าสิ่งนั้นจะสูงส่งเหนือคนอื่น ผมไม่เคยเชื่อว่ามนุษย์จะมีโลกขาวบริสุทธิ์ โดยไม่มีสีดำแต่ผมเชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจที่ออกมาจากหัวใจ

ในวันเวลาสุดท้ายที่ทุกสิ่งกลับคืนสู่ปกติ ในวันที่เจ้าของบ้านกลับมา ในขณะที่เราเสียสละเอารถของเราขับพาน้ำไล่สิ่งสกปรกออกไป เสียงจากหอกระจายที่บอกให้คนที่ขับรถช่วยขับเบา ๆ เพราะพวกเขากำลังทำความสะอาดบ้านของพวกเขา

เล่ามาถึงตอนนี้หลายคนอาจรู้สึกว่าสิ่งที่เล่ามาเพื่อยกย่องเชิดชูตัวเอง เปล่าเลยที่ผ่านมาผมไม่เคยเรียกร้อง หรือต้องการคำยกยอจากใคร แต่สิ่งที่ผมกำลังจะสื่อสารคือ “เราทุกคนเกิดมาเพื่อภารกิจอะไรบางอย่างที่ต้องทำ ไม่มีอะไรที่เริดหรู ไม่มีอะไรให้ต้องยึดเหนี่ยว ไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะเป็นใคร จะวิเศษ พิสดาร เหนือกว่าใคร ท้ายที่สุดแล้ว…ลมหายใจคือความจริงแท้และแน่นอน…

ยังมีอีกหลากหลายเหตุการณ์ที่ได้ทำ แน่นอนมันคือภาพทรงจำที่ฝังตรึงในจิตใต้สำนึก ต่อเมื่อถึงห้วงวัยหนึ่งก็ลืมเลือนและจางหายไป-ไม่มีอะไรให้จดจำ ทุกสิ่งกลายเป็นแค่เพียงเศษฝุ่นธุลีที่ล่องลอยไปในอากาศ.