บันทึกคนหลงทาง : อัยย์ รินทร์
‘ต้อนให้ย่ำเหยียบไปรอบ ๆ เสาเกียด ย่ำไปเถอะเจ้าเพื่อนยาก ย่ำให้เมล็ดข้าวหลุดจากรวง( เสาเกียด – ไม้ปักกลางลานสำหรับผูกวัว หรือ ควายในการนวดข้าว)’
คำอธิบายภาพจากหนังสือ “สู่ขวัญข้าวพระเจ้าแผ่นดิน “ ภูมิปัญญาของชาวนาไทยที่สืบสานกันมาอย่างยาวนาน หากแต่ในยุคปัจจุบันความสำคัญของควายลดน้อยถอยลงด้วยเพราะนวัตกรรมสมัยใหม่ที่ไม่ต้องใช้แรงงาน ‘สัตว์’ ให้เป็นประเด็นดราม่า
มนุษย์ใช้แรงงานสัตว์ตั้งแต่ยุคโบราณกาลกระทั่งทุกวันนี้ก็ยังมีให้เห็น แต่สิ่งที่แตกต่างคือสายสัมพันธ์ระหว่างผู้ชุบเลี้ยงดูแลสัตว์จนมีวัฒนธรรมความเชื่อ เพื่อเป็นการระลึกถึงบุญคุณของวัว-ควายที่ช่วยมนุษย์ทำนา รวมไปถึงการขอขมาที่ได้ ด่า ว่า เฆี่ยนตี ระหว่างการใช้งาน
ภาคเหนือเรียกว่า “ฮ้องขวัญควาย เรียกขวัญควาย” หรือ “เอาขวัญควาย ภาคอีสานเรียก “สู่ขวัญควาย” ส่วนชาวไทยเขมรสุรินทร์ เรียก ฮาวปลึงกระไบ พิธีทำขวัญควายมักจะจัดขึ้นหลังจากได้ปลูกข้าวดำนาเรียบร้อยแล้ว ด้วยความสำนึกในบุญคุณ เจ้าของจะทำพิธีบายศรีสู่ขวัญควายให้ควายกินหญ้าอ่อน ทำขนมอาหารเลี้ยงวัว-ควาย และนำควายไปอาบนํ้าขัดสีฉวีวรรณ เอาอกเอาใจ เอาดอกไม้ธูปเทียนขอขมา
เรื่องราวเหล่านี้มักจะไม่ปรากฏในประเทศที่เจริญก้าวหน้า เพราะพวกเขาชำนาญกับการคุกคามและยึดครอง ดังปรากฏอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์โลก จากยุคบุกเบิกเดินเรือศึกษาเส้นทาง สู่การค้า และสงครามยึดครอง บีบบังคับ ยุยงส่งเสริม ข่มเหงรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า บางทีความล้าหลังที่ยึดโยงถึงสายใยแห่งรัก อันแสดงออกถึงความผูกพันระหว่างมนุษย์กับ ‘สัตว์’
…
มา มา มะ มาตระมาศรีมา เป็นเขยแก้วกล้า ทอง แหวน จงไหลมากันในวัน…นี้…
…บายศรีสู่ขวัญควาย…สายสัมพันธ์ระหว่างชาวนากับควายผู้มีคุณ
ขณะนั่งจิบน้ำชา(เขียว)ยามบ่าย มองออกไปนอกหน้าต่างบนกิ่งกระท้อนมีผึ้งหลวงมาทำรังแทนนกกางเขนบ้าน น่าเสียดายไม่มี Darjeeling Tea อันมีที่มาจากประเทศที่เคยถูกจักรวรรดิยึดครอง หรือถ้าจะให้ดีสูดดมกลิ่นหอม Earl Grey tea ชาผสมลอกเลียนแบบ “ชาเจิ้งซานเสี่ยวจง(เลปาง ซูซอง) มีกลิ่นหอมของน้ำมันมะกรูด เรื่องบางเรื่องไม่คาบเกี่ยว แต่บางเรื่องก็ชวนให้เป็นประเด็น เพียงเพราะความไม่เข้าใจหรือมีบางสิ่งเคลือบแคลง เสียดาย…น่าจะมีขนม อบ Scone เผอิญสมบัติผู้ดีไม่ค่อยมีจึงนั่งแทะ ‘ขนมข้าวแดกงา’ *แทน….
*(ขนมที่ทำจากข้าวใหม่…ให้ควายกิน)