บันทึกคนหลงทาง : อัยย์ รินทร์
เห็นหลายรูปปั้นเทวบูชา คิดย้อนกลับไปว่าครั้งหนึ่งท่านเหล่านี้คงเคยได้รับการดูแล ถนุถนอม กราบไหว้บูชาเป็นอย่างดี วันเวลาผ่านไปจากรุ่งเรืองสู่เสื่อมทรุด จึงถูกนำมาวางกระจัดกระจายใต้ร่มเงาโคนไม้ คือความจริงที่ไม่มีอะไรคงทน สิ่งประดิษฐิ์ต่าง ๆ ที่ถูกสร้างจากมือมนุษย์ หรือธรรมชาติย่อมดับสลายเป็นธรรมดา
วันเวลาเคลื่อนไปข้างหน้าไม่หยุดยั้ง…แต่บางสิ่งบางเรื่องราวรอคอยการค้นพบ สืบสาน และบอกเล่าต่อ ๆ ไป เฉกเช่นเดียวกับใบเสมาหินทรายแดงที่วางอยู่หน้าหอสวดมนต์วัดแห่งนี้ คือหลักฐานที่ถูกนำมาอ้างอิงถึงกาลครั้งหนึ่งว่าเคยมีวัดและชุมชนโบราณตั้งอยู่ ตำนานท้าวอู่ทองหรือพระเจ้าอู่ทองอพยพผู้คนหนีโรคห่า ซึ่งสัมพันธ์กันกับทุ่งพญาเมือง ทุ่งพระเสด็จ ชุมชนโบราณร่วมสมัยอโธยาศรีรามเทพนคร
ทุกฤดูกาลนำมาซึ่งการหมุนเวียนเปลี่ยนแปรสภาพอากาศ ธรรมชาติไม่โหดร้ายจนกลืนกลบลบหายทุกสิ่งทุกอย่าง แม้ว่าซากวัดพญาเมืองหักพังทลายลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา แต่สิ่งที่เหลือก็คือใบเสมาหินทรายแดงและเศียรพระพุทธรูปหินทรายขนาดใหญ่ คือจิ๊กซอว์ ต่อภาพอาณาเขตพุทธเสมาวัดโบราณคู่กับวัดนางคำหยาด จากหลักฐานหลายอย่างที่ขุด ค้นพบ และบางส่วนเลือนหายไปกับการพัฒนาสร้างถนนหนทางและเมืองยุคใหม่ ทว่าบริเวณเมืองปทุมฯ หรือสามโคก ในอดีตนั้นเคยมีทุ่งพญาเมืองกับทุ่งพระเสด็จที่ถูกทิ้งรกร้างดังปรากฏในโคลงกำสรวลสมุทร
จากมาเรือร่นท้งพญาเมือง
เมืองเปล่าปลิวใจหายน่าน้อง
จากมาเยียมาเปลืองอกเปล่า
อกเปล่าว่ายฟ้าร้องร่ำหารนหา
บทบันทึกการเดินของคนยุคครั้งกระโน้น ที่ได้กล่าวถึง วันวานของทุ่งพญาเมืองซึ่งปัจจุบันไม่เหลือเค้าลางให้เห็นเด่นชัด ที่มีเหลือไว้ก็แต่ใบเสมาหินทรายแดงและเศียรพระพุทธรูปหินทรายขนาดใหญ่ที่เก็บไว้ ณ วัดสองพี่น้อง อ.สามโคกจ.ปทุมธานี
อ้างอิง: หนังสือ’ลุ่มแม่นำเจ้าพระยา รากเหง้าสยามประเทศ’
มูลนิธิเล็ก-ประไพวิริยะพันธุ์
ศรีศักร วัลลิโภดม, วลัยลักษณ์ ทรงศิริ