…ทุกๆ ก้าวย่างแห่งความท้าทาย ลึก ๆ แล้วเราต่างหวาดกลัวและรู้สึกไม่มั่นคง เหมือนดวงตามืดสนิทพยายามไขว่คว้าอะไรสักอย่าง เพื่อสัมผัสรู้สึกได้ว่าปลอดภัย เราต่างคนต่างมีบาดแผลและบางครั้งการได้นั่งฟังเรื่องราวชีวิตของใครบางคน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน แน่นอนเขาเองก็ต้องกล้ามากพอที่จะไว้ใจ

ข้าพเจ้ามองไปรอบบริเวณพื้นที่ลานกางเต็นท์ หลอดนีออนของแต่ละเต็นท์ส่องแสงสว่าง ถัดจากเต็นท์ของข้าพเจ้าชายหนุ่มผู้โดดเดี่ยวกำลังดื่มด่ำกับอาณาบริเวณที่เขาถือครอง อุปกรณ์สนามพร้อมสรรพ ถังน้ำแข็งแช่เครื่องดื่ม ถังเสบียงอาหาร ดวงไฟนีออนแขวนส่องสว่าง ดูเหมือนว่าหนุ่มคนนี้จะช่ำชองกับการแรมรอนนอนเต็นท์กลางพงไพร ไม่บ่อยนักที่จะได้มีโอกาสได้เห็นคนหนุ่มผู้พิศมัยการเข้าป่ากางเต็นท์เพียงลำพัง  กลิ่นหอมเนื้อย่างโชยตามลม เสียงสลักกระป๋องเบียร์ถูกดึงออก ขณะที่เขาหันหน้ามาเชิญชวนข้าพเจ้า-ข้าพเจ้ายกแก้วชนส่งสัญญานขอบคุณ

อีกด้านสองคู่รักเพิ่งมาใหม่กำลังเร่งกางเต็นท์ ดูท่าทางค่อนข้างจะชำนาญอยู่ไม่น้อย เขาทักทายและแฟนสาวส่งยิ้มทักทาย ขออนุญาตกางเต็นท์ใกล้กับข้าพเจ้า ทั้งยังแบ่งปันเสื่อให้กับข้าพเจ้าและลูกสาวนั่งแล่นชมดาวบนฟ้าไปพลาง ๆ  ไม่นานนักเสบียงอาหารก็ถูกจัดวาง แฟนสาวชักชวนข้าพเจ้ากับลูกสาวให้ร่วมวงหมูกระทะ ลูกสาวหันมาสบตาเชิงขออนุญาตไม่ทันได้พูดอะไรเด็กสาวก้าวพรวดไปนั่งเก้าอี้สนาม ข้าพเจ้าจำต้องแก้เขินด้วยการหันไปพูดคุยกับเพื่อนใหม่

“สักหน่อยไหม? ”ข้าพเจ้ายื่นแก้วน้ำอำพันให้

“ผมดื่มไม่ได้ครับ แพ้เหล้า ดื่มทีไรผื่นขึ้น คันไปทั้งตัว” 

“ฮึ ๆ อย่างนี้ก็มีด้วยเหรอ?”ข้าพเจ้ากระดกน้ำอำพันรสเฝื่อนผสมโซดา น้ำเปล่าลงคอ คุยกันได้ไม่นานเขาก็หันไปบอกให้หญิงสาวที่นั่งเอร็ดอร่อยอยู่กับหมูย่างและลูกสาวข้าพเจ้า เธอมีท่าทีอิดออดแต่ก็จำต้องเทโซจูผสมชาตามที่เขาร้องขอ แล้ววงสนทนาเริ่มได้ที่ ใบหน้าของเขาแดงก่ำ เรื่องราวประสบการณ์ชีวิตของเพื่อนใหม่ ค่อย ๆ พรั่งพรูออกมา ตั้งแต่วัยเยาว์พ่อแม่แยกกัน เติบโตมาด้วยบาดแผล เป็นเด็กเกเร วันหนึ่งก็มาถึงจุดเปลี่ยนของชีวิตเมื่อได้เห็นน้ำตาของคนที่รักเขามาตลอดชีวิต  เป็นหนี้สินพะรุงพะรังก็เพราะเขา มันเป็นวันที่ทำให้ต้องตัดสินใจก้าวไปในโลกกว้าง ในวัย ๑๘ ฝน สายลมแห่งโชคชะตาพัดพาให้เขาต้องไปอยู่ในห้องแคบ ๆ กับเพื่อนร่วมงานสาม สี่คน กับสถานที่ทำงานเป็นทั้งโรงงานเจียระไนเพชร เป็นทั้งห้องพัก เป็นพื้นที่-ที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยในแดนกิมจิ 

“ผมไปอยู่ที่นั่นก็หลายปี วัน ๆ ทำแต่งาน งาน เจียระไนเพชรจนมือแทบพัง รายได้ก็น้อยซ้ำวันหยุดก็ไม่ได้พักผ่อน สุดท้ายตัดสินใจหนีไปทำโรงงานเพชรกับเจ้าอื่น แต่พี่รู้ไหมผมดันไปทำงานกับเจ้าโรงงานที่เป็นเพื่อนกับเจ้านายเก่า ผมก็คิดว่าจะติดคุกที่โน่นแล้วแต่ความดียังพอมีอยู่บ้าง ทั้งเจ้านายใหม่เห็นใจจไถ่ถอนสัญญาผมจึงได้ย้ายมาทำงานที่ใหม่ นึกย้อนกลับไปก็อดแปลกใจไม่น้อยว่าทนทำ ทนอยู่อย่างนั้นได้ไง”

“ทำไมถึงกลับล่ะ” 

เขาสบตาข้าพเจ้าแล้วยกแก้วโซจูขึ้นกระดก

 “คิดถึงบ้านและผมก็เก็บเงินมากพอที่จะชดใช้หนี้สินต่าง ๆ ให้แม่ครับ”

สายลมยามค่ำพัดผ่านชะง่อนผา บนท้องฟ้ามองเห็นหมู่ดาวส่องแสงวับวาว ข้าพเจ้าเรียกลูกสาวที่กำลังป่วนเพื่อนสาวต่างวัยให้กลับมานั่งดูดาวด้วยกัน ขณะที่เพื่อนใหม่เริ่มเผยบาดแผลจากฉากละครชีวิต

“พี่เชื่อไหม?! ผมถูกโกงมา 5 ล้านบาท…”