On my way
เรื่องและภาพ: ชูลี สุชาติ
ท่ามกลางสายฝนเทกระหน่ำลงมารถเก๋งนำทางไปบนเส้นทางสายคดเคี้ยว ผ่านหุบเขา สวนทุเรียน ผลไม้ สวนยางบนเนินเขา วิทยุรายงานสถานการณ์น้ำป่าเซาะหน้าดินเนินเขาสไลด์ลงมาปิดทับถนนระหว่างทางจากยะลาไปเบตง ทว่าเมื่อตั้งใจที่จะไป ก็ต้องไปให้ถึง แม้ว่าหนทางจะอ้อมและไกลกว่าเดิม…
การเดินทางครั้งนี้มิได้มีจุดหมายที่ชัดเจน แรกเริ่มเดิมทีก็แค่รู้สึกเบื่อหน่ายกับการอยู่เหย้าเฝ้าเรือน เพราะหวาดกลัวกับโรคร้ายที่กำลังแพร่ระบาด ที่นี่-ที่นั่นหรือที่โน่นล้วนมีรายงานตัวเลขสถิติผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิตทั้งภายในและภายนอก มนุษย์อาจแบ่งแยก สร้างเขตแดนแต่ลม ฟ้า ก้อนเมฆล้วนแล้วแต่เป็นไปตามสภาวะหมุนเวียนไร้การควบคุม เชื้อโรคก็อาศัยอากาศเป็นสะพานจากคนสู่คนหรือสัตว์ หลายวันมาแล้วที่ต้องจับเจ่าอยู่กับบ้าน จะอีกกี่วัน กี่เดือนที่สำคัญคือต่อให้ควบคุม ดูแลอยู่กับบ้านก็มิใช่ว่าโรคร้ายจะมาเคาะที่หน้าประตูไม่ได้ ใครจะรู้ว่าเหล่าพนักงานส่งสินค้า อาหาร นั้นอาจเป็นพาหนะ บางทีการเว้นช่องว่างจากสภาวะกดดันออกเสียบ้าง อีกด้านเป็นการเพื่อสนองตอบต่อประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตของหญิงชราและตัวเขาเอง
บนเส้นทางสายคดเคี้ยว ที่เปียกแฉะไปด้วยน้ำฝน อีกบททดสอบถึงความมุ่งมั่น และอดทน แน่ละจำนวน ๓๖๐ กว่าโค้งอาจเทียบไม่ได้กับโค้งหักศอก ไต่ขึ้นเนิน เส้นทางเลียบเขาสูง กว่า ๑,๘๖๔ โค้งสู่เมืองสามหมอก ทว่าหญิงชรา ๘๐ กว่า กับสภาพร่างกายของอาสะไภ้ที่เป็นอัมพฤกษ์ นั้นแทบไม่มีถ้อยคำใดหลุดออกมา ต่างคนต่างนั่งมองสองฟากถนนในขณะที่รถแล่นฝ่าสายฝนมุ่งสู่เมืองที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เส้นละจิจูด ๕ องศา ๓๗ ลิปดาเหนือ และลองจิจูด ๑๐๑ องศา ๐๘ ลิปดาตะวันออก แต่ระหว่างทางที่ผ่านพ้น นั้นต้องพิสูจน์ความเชื่อมั่น บางวูบอารมณ์ก็เผลอใจคิดถึงเรื่องร้าย ๆ อาจเป็นเพราะการได้รับรู้ข่าวสารที่รายงานสถานการณ์ความไม่สงบ เห็นภาพเหตุการณ์ทำให้เกิดความหวาดวิตกอยู่บ้าง กระนั้นก็ตามไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ? ทำอะไรหากถึงเวลาก็ต้องยอมจำนนต่อมัจจุราชอยู่ดี ละอองหมอกแผ่คลุมไปทั่งอาณาบริเวณ รถนำทางทะยานข้ามทางแยก ที่มีแผ่นป้ายบอกจุดวิวชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง
“ตอนนี้สกายวอร์คปิดแล้วครับ โก แต่ขึ้นไปแลข้างล่างได้ ไปหม้าย ? ” ชายวัยกลางคน สวมหมวกกะปิเยาะขับมอเตอร์ไซด์ เขา-น้องชายและหลานชายตัวน้อยซ้อนมอเตอร์ไซด์ ส่วนหญิงชรา อา-อาสะไภ้ น้องสาวและหลานสาวนั่งรออยู่ในรถ ละอองฝนฟุ้งกระจายคล้ายม่านหมอก จนมองแทบไม่เห็นอะไร แล้วฝนห่าใหญ่ก็เทลงมาอีกครั้ง ท้ายที่สุดจึงตัดสินใจซ้อนรถมอเตอร์กลับลงมาที่ลานจอดรถ ไว้พรุ่งนี้ตอนเช้ามืดค่อยมาอีกครั้ง ฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพัก หากไม่นานก็มาถึงด่านจุดตรวจฝ่ายรักษาความปลอดภัย ผ่านย่านชุมชน ตึกรามบ้านช่อง และด่านตรวจคนเข้า-ออกประเทศเพื่อนบ้าน
ในห้องพักชั้นแปดของโรงแรมหรูใจกลางเมือง วงล้อมอาหารมื้อเย็นกำลังเอร็ดอร่อยอยู่กับอาหารขึ้นชื่อของเบตง…
“นั่น ๆ ไก่นะกินไม่ได้นะแม่” เขาร้องห้ามทันทีที่เห็นหญิงชราตักเนื้อไก่ เข้าปาก นางมีทีท่าไม่ไม่สนใจ นั่งเคี้ยวเนื้อไก่ตุ้ย ตุ้ยด้วยเหงือกบดที่กระพุ้งแก้ม ก่อนจะทอดกลืนลงคอแล้วรีบกระดกน้ำตาม
“มึงก็ทำตัวเป็นหมอไปได้ ห้ามโน่นห้ามนี่ ! กูก็อยากรู้มั้งแหละว่าไก่เบตงรสชาติพันพรือ !…”เสียงหัวเราะ ครื้นเครงสนุกสนานดังลั่นในห้องพักท่ามกลายสายฝนโปรยปราย…
โปรดติดตามตอนต่อไป….