บันทึกคนหลงทาง : อัยย์ รินทร์


ในความพร่าเลือนอาจมองเห็นบางสิ่งที่ชัดแจ้ง ล้วนขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน ขึ้นอยู่กับว่าเราแปลงสิ่งที่เห็นและความจริงนั้นไว้อย่างไร ฤดูน้ำหลากเพิ่งจะล่วงผ่านไปไม่นาน น่าแปลกที่บางวันกลับมีฝนโปรยลงมากลางฤดูหนาว  ห้วงยามแห่งการหยุดพัก ทบทวนและมองโลกในมุมกลับให้เห็นถึงอะไรหลาย ๆ อย่างที่เคยคลุมเครือ

ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้เงาทะมึน-มืดมน บางครั้งก็ให้คุณค่าแห่งการเรียนรู้ บางคราก็รู้สึกผิดที่เผลอไผลไปทำในสิ่งไม่ควรทำ เมื่อมิอาจยับยั้งสติอารมณ์ก็ต้องก้มหน้ารับผลกรรมที่ทำไว้ แต่จงให้ “อภัย”ตัวเอง เปิดหัวใจ เปิดตา ยอมรับความจริงแท้เพราะท้ายที่สุดเราก็แค่เศษละอองธุลี ที่ล่องลอยไปตามสายลมแห่งกาลเวลา 

ฤดูฝนเพิ่งผ่านพ้นไปพร้อม ๆ กับฤดูหนาวที่จะทดแทน ข่าวคราวมฤตยูร้ายคร่าชีวิตผู้มากมายสร่างซาลงไป แต่ก็จะมีสิ่งใหม่ ๆ  เข้ามาเป็นวงเวียนวัฏจักร เหมือนนกน้อยกระพือปีกโบยบินคืนสู่เรื้อรังนอน ในขณะที่ตาลโตนดยืนต้นโดดเด่นท้าทาย อัสดงใกล้จะลาลับ ผืนฟ้าในอีกไม่ช้านานก็ถูกแพรผืนสีดำแห่งรัตติกาลแผ่คลุม ดาวดวงน้อยนับร้อย พัน หมื่นล้านดวงกระพริบพราวราวกับโบกมือทักทาย

ดวงจันทร์หงายแย้มยิ้มให้กับก้อนเมฆที่เคลื่อนคล้อยล่องลอยไปตามสายลม ความจริงแล้วทุกค่ำคืนมีพระจันทร์ลอยเด่นกลางนภา แม้ในคืนค่ำที่เมฆดำบดบัง เพียงหลับตาเปิดใจ ปรับเปลี่ยนมุมมองและความคิด ไม่มีค่ำคืนไหนที่ดาวดารดาษท่ามกลางฝนพรำ  เฉกเช่นเดียวกับแสงสว่างจากดวงตะวันการหมุนวนรอบตัวเองของโลก ให้ซีกหนึ่งได้รับพลังแห่งชีวิตอีกซีกโลกได้หลับไหล ผ่อนคลายความอ่อนล้า แว่วสำเนียงกระซิบ “สติ”จากที่ใดสักแห่งพลิ้วผ่านมาตามสายลม โลกมีความงามและมิได้โหดเหี้ยมเสมอไป อยู่ที่เรา อยู่ที่ใจและความงามของจิตวิญญาณ.