สาดเต้นเส้นแต่งเอยแสงไต้
ริกไหวแรงหวั่นก้อนขวัญหล่น
ภูตร้ายพรายแรงสำแดงดล
เรียกคนแน่นอั่งแทบพังเพิง


โอดครวญอันครางอิงข้างฝา
เงาพร่าสะท้อนภาพหลอนเหลิง
หนึ่งภาพเหนี่ยวพรั่นขวัญกระเจิง
เซอะเซิงโหยหายใคร่ตายลา


บิดร่างบีบรัดกัมมัชวาต
สัญชาตญาณพล่านเพรียกหา
สักสิ่งชาตะเถิดชะตา
สักปาฏิหาริย์ผ่านราตรี


หยับหยับคำหมากเปื้อนปากเหี่ยว
ไต้แรงแต่งเรียวหน้าเซียวสี
สับสนเรื่องราวอ้าวฤดี
พร่ำผีวอนผู้ตนปู่ตา


ฝ่ารีตฝืนรอยเถื่อนถ้อยใด
อันให้ขึดหลวงตกบ่วงบ้า
ภายลุ่มภายบนหม่นมรรคา
ขอสมาสิ่งพลั้งข้อทั้งมวล


เถิดไท้แถนท้าวพลิกดาวเกิด
ตกฟากลงเถิดเปิดฟ้าป่วน
สืบหน่อสานเนื้อเป็นเสื้อนวล
หลอนล้วนเน่าสิงให้นิ่งเซา


สิ้นบูชิตกรรมพจีการ
ลมเชี่ยวลอดชานไล้ผ่านเสา
ใต้ถุน กระดึงจึงรัวเร้า
ครูดเขาขีดคอกบอกกังวล
จึงกลาบาตฟาดแสงแล่งกาฬปักษ์
เสกสื่อสัญลักษณ์จำหลักสถล
สมมตินิยามในนามคน
ผีตนพุ่งไต้นัยนามนั้น


เครียดเพรงเคร่งผ่าวถึงคราวผ่อน
สลอนค่อนคืนเหมือนตื่นฝัน
มือเหี่ยวแต่งพลูหมากสู่กัน
ใต้ถุนเหมือนตื้นตันสั่นคอควง


กระดางลางสิ้นสาบห้วงหยาบคาย
ขาวฝ้ายเพียงแขนผูกแหนหวง
แพรพรรณห่อพันผืนพันธุ์พวง
มอบดวงแสงดาลแก่ลานดิน


อิดเนือยเอื่อยนอนนิ่งอ่อนเนื้อ
ข้าวเกลือกระเทียมเตรียมพร้อมสิ้น
อบอู่อยู่ไฟไล่ราคิน
แรกรินหยดนัยยิ่งใหญ่นัก.


องอาจ สิงห์สุวรรณ