บันทึกคนหลงทาง : อัยย์ รินทร์
ฝูงปลาแหวกว่ายในน้ำอย่างอิสระ สิ่งมีชีวิตที่มีอยู่ในใบโลกนี้ ต่างเริงร่าย หมุนเวียน ไปตามวิถีแห่งตน จะเกิดอะไรขึ้นหากโลกที่เราเคยมองเห็น ทุกอย่างสัมผัสรับรู้แยกแยะดี-เลวด้วยสองตา แต่แล้วจู่ ๆ วันหนึ่งดวงตาของคุณกลับมองไม่เห็นอะไร นอกจากความมืด นั่นอาจทำให้คุณรู้สึกหวาดกลัวกับจินตนาการที่ปรุงแต่ง และรู้สึกโดดเดี่ยวไร้ค่า
Do you believe in destiny ? บทสนทนาในภาพยนต์เรื่องหนึ่ง สำหรับผมคำตอบคือเชื่อและไม่เชื่อหากมิได้สัมผัสด้วยตนเอง แต่คำพูดที่ผ่านการใช้ความคิด ใคร่ครวญ กับการสนทนากับใครสักคนด้วยหัวใจย่อมรู้สึกได้ถึงความแตกต่าง
Have you ever seen the rain coming down on sunny day? ท่วงทำนองชวนโยกย้ายส่ายเอวและความหมายของบทเพลงนี้ ก็มีบ่อยครั้ง ที่เราได้เห็นบรรยากาศเช่นนั้นและรู้สึกอัศจรรย์ในความเป็นไปของธรรมชาติ
เช้าวันหนึ่ง ผมนั่งมองดูฝูงปลาแหวกว่าย หาที่หลบซ่อนตัวจากแสงแดด บ้างซ่อนอยู่ใต้ร่มเงาศาลาน้ำท่าวัดสวนมะม่วง และการมาของเรือเร่ขาย ก๋วยเตี๋ยวก็ทำให้พวกมันได้รู้ว่า จะมีเศษอาหารนอกเหนือจากขนมปัง อาหารป่นที่ถูกโยนให้ ไม่ต่างอันใดกับคน ที่ไหนก็ได้ถ้าที่แห่งนั้นสร้างความเพลิดเพลินจำเริญใจ เดินไปบนเส้นทางสายหนึ่ง หากไม่มีอะไรเลยที่ทำให้รู้สึก โล่งสบาย ความหมายของการอยู่ตรงนั้นก็คือว่างเปล่าและโดดเดี่ยว แต่เส้นทางอีกสาย อาจดูคล้ายว่าจะเปลี่ยวเหงา ทว่าภายในจิตใจกลับสัมผัสถึงพลังบางอย่าง กำลังกวักมือเรียกหา
“ไม่ผิดหรอกหากคุณจะเปลี่ยนเส้นทาง เพราะถ้าหากเดินผิดที่ ผิดทาง คงไม่อาจสร้างความสุขให้กับตนเอง มิหนำซ้ำยังทำร้ายคนรอบกาย” ธรรมชาติของปลาเป็นต้องว่ายทวนน้ำ ธรรมดาของชีวิตคนนั้นต้องผจญกับปัญหาและอุปสรรค
“ในกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว ปลาย่อมว่ายทวนน้ำเสมอ ปลาที่ลอยตามน้ำ ก็มีแต่ปลาตายเท่านั้น” หลวงวิจิตรวาทการ ชีวิตของปลาก็ต้องดิ้นรน ชีวิตของคนก็คงไม่ต่างกัน แต่ถ้าดิ้นรนมากไปก็เหนื่อย เมื่อเหนื่อยก็หยุดพักและเติมพลังก๋วยเตี๋ยวเรือ ที่ท่าน้ำวัดสวนมะม่วง เมืองปทุมธานี