บันทึกคนหลงทาง : อัยย์ รินทร์

ขณะนั่งฟังเพลงคิดไปไกลในอีกหลาย ๆ สิ่ง ที่ผ่านมาและเลยผ่านไป ใบมะม่วงหน้าบ้านหล่น “แปะ ” ลงบนพื้นคอนกรีต ฝูงนกบินถลาเกาะกิ่ง ปล่อยสิ่งปฏิกูลหล่นกระจัดกระจายใต้โคนต้นมะม่วง เลื่อนสายตามองหนังสือเล่มหนึ่งวางอยู่ใกล้มือ เรื่องราวชีวิตที่ผู้เขียนเพียรเล่าถึงห้วงยามแห่งความทุกข์ ยา และสุข เพชรเม็ดงามกว่าเฉิดฉายอวดประกายวิบวับหลายกระรัต ต้องผ่านการเจียระไน

แม้แต่ดอกบัวก็ต้องแตกหน่อก่อรากจากโคลนตม กว่าจะเบ่งบานก็ต้องผ่านพ้น หอย ปู ปลา คนเราก็เถอะ หากไม่มีคลื่นอุปสรรคชีวิตถาโถม ซ้ำเติมระลอกแล้วระลอกเล่า หากหัวใจยังไม่ยอมแพ้ ไม่จำนน ก็คงก้าวข้ามไปถึงอีกฟากฝั่งที่มีโอกาสนั่งทบทวน ยิ้มเยาะให้กับสิ่งที่ผ่านพ้นมา

“ยังจำกรรมบางอย่างน่าบัดสีของตัวเอง ทุกวันนี้แผลมันเบาบางจางไปแล้ว คงคล้ายใบเล็ก ๆ นานวันมันตื้นขึ้นมา โชคดีที่ในชีวิตไม่มีแผลใหญ่ให้ติดตัว นาน ๆ หยิบแผลมาพิจารณา ยอมรับทุกสิ่งที่ได้กระทำลงไป ทั้งสิ่งที่น่าละอายบัดสีและสิ่งที่เป็นความดี เป็นความภาคภูมิใจ” 

หลายคนบอกว่า โลกนี้คือโรงละคร ที่มีนักแสดงมากมายก็คงจริงอย่างว่าต่างคนต่างมีเรื่องเล่าของแต่ละคน ผ่านได้เรียนรู้ ประสบการณ์ชีวิต ความจริงของมนุษย์ที่มิอาจหลีกหนีได้ วงเวียนแห่งกรรมชักนำให้คนละฟากฝั่งได้มาพบ มาเจอ มาร่วมเดินทางไปทุกหนแห่ง ไม่มีใครหรอกที่อยากจดจำเรื่องราวเลวร้ายไว้เพื่อทำลายปัจจุบัน

หากแต่ร่องรอยบาดแผลที่หลงเหลืออยู่ในซอกหลืบ ทุก ๆ การกระทำย่อมมีทั้งถูกและผิด เป็นความจริงของมนุษย์ เพียงแค่…เมื่อได้หยุดคิดและทบทวน

ปล่อยให้ใบไม่ร่วงหล่น ปล่อยสำนึกในแง่งามได้ทำหน้าที่ปลดปล่อยพันธนาการจากความรู้สึกผิด พลั้งพลาด

“ให้ อภัยตัวเอง เพื่อจะลุกขึ้นและก้าวเดินไปในหนทางที่เหลือน้อย ปลายทางชีวิตที่แคบลง แคบลง…จนเหลือแค่ผงธุลีที่เลือนไปกับสายลม เพียงถ้อยคำในห้วงสำนึกที่ปลุกปลอบประโลม… เมื่อใบไม้ร่วงหล่น ย่อมมีใบใหม่แตกกิ่งก้านสาขา จนกว่าจะถึงเวลาล้มคลืนซบกับผืนดิน”

ขอบพระคุณเรื่องราวที่เป็นแรงดลใจ.

จากหนังสือ เล่าไว้ก่อนวาย : มาลา คำจันทร์