บันทึกคนหลงทาง: อัยย์รินทร์
“ยื่นมือมาให้พี่สิ ไม่ต้องกลัว เถอะน่าเชื่อสิ” ยินคำประโยคนี้แล้วผมรู้สึกชื่นหัวใจ ยิ่งได้เห็นภาพคู่รักที่จับมือกันมั่น ด้วยสองตาของตัวเอง ก็ให้รู้สึกแช่มชื่นในหัวใจมากขึ้นไปอีก ถ้าหากการเดินทางตอบสนองแค่เพียงความสุข จากสิ่งที่รองรับ ท้องทะเลภาคใต้ ใครๆ ต่างรู้กันดีว่าคือสวรรค์ของนักเดินทาง เฉกเช่นเดียวกันกับสุราษฎร์ธานี เมืองคนดีและมีของดีๆ มากมาย สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทย เกาะสมุย เกาะพงัน เกาะเต่า หากแต่ยังมีอีกนับร้อยๆ เกาะ ที่ไม่เป็นที่รู้จัก เช่นเดียวกับเกาะแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้กับท่าเรือดอนสัก เกาะเล็กๆ เกาะนี้ ไม่ได้มีคุณลักษณะทางกายภาพ หาดทรายขาวลืมไปได้เลย เพราะมีแต่แนวโขดหิน ห้องสูทหรูหราสิ่งอำนวยความสบาย มิต้องพูดถึงเพราะมีแค่ที่พักโฮมสเตย์
ทว่า..ผมกลับรู้สึกอีกอย่างเมื่อได้มาสัมผัสบรรยากาศ ที่รายล้อมไปด้วยรอยยิ้ม มิตรภาพและวิถีการดำรงชีพในชุมชน น่าจะเป็นจุดที่ทำให้นักเดินทางอยากกลับมาเยือน “มาเที่ยวกันหรือคะ นี่คะเริ่มเดินไปทางนี้” แม่ค้าขายของฝาก เอ่ยถามพร้อมกับยิ้มทักทาย เธอคงเห็นพวกเรากำลังเงอะๆ งันๆ ไม่รู้จะเริ่มต้นไปทางไหนดี
“ที่จริงเดินได้รอบเกาะ แต่ตอนนี้ช่วงกลางเกาะสะพานขาด ช่างกำลังก่อสร้างกันอยู่” เธอกล่าวเสริมอีกครั้ง ผมและเพื่อนร่วมทางยิ้มรับ พร้อมกับกล่าวคำขอบคุณ ก่อนจะแวะสักการะศาลเจ้าจีนไหหลำ ซึ่งเป็นที่เคารพของคนในชุมชน
เราเดินผ่านบ้านเรือนที่ผสมผสานระหว่างยุคสมัยใหม่กับยุคเก่า เห็นยายชรากำลังง่วนอยู่กับการร้อยเอ็นอวน
“สวัสดีครับ อวนนี้ดักอะไรหรือยาย ?” ผมลงนั่งใกล้ๆ “ดักกุ้งแชบ๊วยค่ะ ”เธอตอบรับคำทักทาย พร้อมรอยยิ้ม ขณะที่สองคู่รักกำลังเดินมุ่งหน้าไปพลางๆ ผมเห็นอะไรบางอย่างวางอยู่ใกล้เธอ สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผมคุ้นเคย
“ยาย ผมขอกินหมากคำนะครับ”คุณยายแหงนมองหน้า พลางขยับเชี่ยนหมากให้
“เอาสิ…ยังหนุ่มยังแน่น กินหมากเหมือนคนแก่” ผมได้ยินเสียงหัวเราะจากกลุ่มสนทนาที่รอซื้อก๊วยเตี๋ยว เช่นเดียวกับคุณยายก้วน แล้วเราก็หัวเราะไปด้วยกัน นั่งคุยกันได้สักพักผมล่ำลา เพื่อจะเข้าไปเยี่ยมชมห้องพักโฮมสเตย์ ด้านหลังมีริมระเบียงที่พักผ่อน ยืนมองดูทิวทัศน์โดยรอบ หากเป็นช่วงยามเย็นเหมาะแก่การสังสรรค์เป็นอย่างยิ่ง ส่วนตารางกิจกรรมนั่งเรือนำชมปลาโลมาสีชมพู ตกหมึก สอบถามเจ้าของห้องพัก เธอแจ้งว่าคิวจองห้องพักเต็ม หลังเสร็จสิ้นการเยี่ยมชม ผมและเพื่อนร่วมทาง เดินมาจนถึงโรงเรียนชั้นประถม อาคารเรียนไม้หลังเล็กตั้งอยู่ใกล้ริมฝั่งทะเล
ผมรู้สึกอิจฉาเด็กน้อย ที่พวกเขาได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ระหว่างคร่ำเครียดกับวิชาเล่าเรียนอย่างน้อยก็ได้ผาอนคลายไปกับสายลม คลื่นทะเลในโลกที่กว้างใหญ่ -โลกที่เหล่านกตัวน้อย ๆ จะโบยบินไปสู่ปลายขอบฟ้า เมื่อเติบใหญ่ในวันที่ต้องตะเกียกตะกาย ข้ามพ้นอุปสรรคนานัปการ เสียงเด็กน้อยหัวเราะ หยอกล้อกันสนุกสนานอยู่ห้อง อีกห้องท่องอ้าขยานตามครูชี้บนหน้ากระดาน เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมหันหลังก้าวเดินตามคู่รัก
ไม่ไกลมากนักเราก็เดินมาจนถึงจุดที่สะพานขาด ผมเกรงว่าเพื่อนกับแฟนจะลำบาก จึงหันหลังกลับ….แต่แล้ว
โปรดติดตามตอนต่อไป