เรื่องและภาพ : อัยย์ รินทร์
“อุษาคเนย์ดินแดนที่ปัจจุบันมีประชากรประมาณ ๖๒๕ ล้านคน เป็นดินแดนที่มีความหลากหลายทางชนชาติ มีภูมิประเทศที่เป็นเทือกเขา ที่ราบลุ่มแม่น้ำ พื้นที่ชายทะเลและเต็มไปด้วยหมู่เกาะ อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติไม่ว่า พืชพรรณ สัตว์ป่า และแร่ธาตุต่างๆ ทำให้เป็นเมืองค้าขายทางทะเลกับนักเดินเรือต่างถิ่นมากมายมาตั้งแต่สมัยโบราณ การแลกเปลี่ยนค้าขายและย้ายถิ่นฐานยังทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างชนชาติ การน้อมรับ – ปรับใช้นี้เองเป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมอุษาคเนย์”
…. หลังโยกย้ายสำมะโนครัวมาเป็นประชากรเมืองปทุมธานีเมื่อ ๑๐ กว่าปีที่ก่อน ผมขับรถตระเวณบริเวณสองฟากฝั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเรียนรู้ความเป็นมาของถิ่นฐานบ้านเรือน เตาเผาอิฐมอญเมืองสามโคก แวะนมัสการหลวงพ่อโต พระพุทธรูปลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย สมัยกรุงศรีอยุธยา พระพุทธไสยาสน์ (หลวงพ่อเพชร) นอกจากนี้ยังมีโกศบรรจุอัฐิหลวงพ่อพญากราย วัดสิงห์ กระทั่งผมขับรถผ่านมาที่วัดเจดีย์ทอง ซึ่งมีเจดีย์สถาปัตยกรรมมอญที่เลียนแบบเจดีย์จิตตะกอง เมืองหงสาวดี เมียนมา รวมทั้งมีสถูปทรงระฆังก่อด้วยอิฐฐานรูปสี่เหลี่ยม มีซุ้มจระนำโค้ง รายล้อมด้วยกำแพงแก้ว วัดเจดีย์ทองตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก พื้นที่ “ชาวมอญสามโคก”
ชาวมอญที่นักมนุษย์วิทยาในยุคสมัยหนึ่งได้จัดกลุ่มชนโบราณ ว่าอพยพมาจากจีนตอนใต้ กลุ่มแรกพม่า-ทิเบตประกอบด้วยชาวพิวหรือพยูหรือปยุ มาตั้งถิ่นฐานทางตอนกลางของพม่า เรียกว่าอาณาจักรศรีเกษตร(สารเกษตร) กลุ่มที่สอง เป็นพม่า-ทิเบต กลุ่มการันหรือพวกยะไข่ มาตั้งชุมชนด้านตะวันตกของพม่า ติดอ่าวเบงกอลคือเขตยะไขของพม่าในปัจจุบัน และอีกกลุ่มชาวมอญ-เขมร ที่อพยพมาตามลุ่มแม่น้ำจากสาละวิน มาตั้งถิ่นฐาน ตั้งเมืองบริเวณปากแม่น้ำ คือเมืองสะเทิม หรือแคว้นสุธรรมวดี ซึ่งแคว้นแห่งนี้ได้รับอิทธิพลพุทธศาสนาและวัฒนธรรมอินเดีย จนถือได้ว่าเป็น “หน้าต่างทางอารยธรรม” ทว่า…
หลักฐานข้อมูลอ้างอิงของยุคหนึ่งมิใช่คำตอบที่ถูกต้องในยุคสมัยใหม่ เมื่อ“ขอม”หรือ “ฟูนัน”อาณาจักรของชาวขอม ในสมัยโบราณเรียกว่า “วยาธปุระ” มีอาณาเขตครอบคลุมประเทศกัมพูชาทั้งหมด และบริเวณภาคกลางของไทย เจริญรุ่งเรืองในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๗-๑๐ ที่ครอบคลุมอาณาบริเวณภาคอีสานไปจนถึงที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง ในยุคสมัยที่ไม่มีแนวสันปันน้ำขีดเส้นแบ่งระเบิดเวลาตามลัทธิจักรวรรดินิยม “ทราวดี” ศูนย์กลางของมอญที่สันนิษฐานว่าตั้งอยู่ที่
“สะเทิม มาจากคำว่า สะทูในภาษาต้องซู่ แปลว่า ศิลาแลงเพราะมีศิลาชนิดนี้มากที่ภูเขาใกล้เมืองสะทู มีอาณาเขตและที่ตั้ง-ตั้งแต่บริเวณเมืองสะเทิมในพม่า มาถึง ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือปัจจุบัน เหล่านี้ล้วนยืนยันได้ว่า มนุษย์นั้นมีการโยกย้ายถิ่นฐาน รุกรานเพื่อขยายอำนาจและสร้างชุมชน สร้างเมืองสร้างอารยธรรมที่เข้มแข็งซ้อนทับกลุ่มชนดั้งเดิม
เฉกเช่นเดียวกับปทุมธานีหรือประทุมธานี เมืองในอดีตที่คุ้นเคยในนาม”สามโคก” เมืองที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ที่สำคัญคือความเป็นส่นหนึ่งในดินแดนศูนย์กลางแห่งอุษาคเนย์และในฐานะเมืองชายขอบที่เปรียบเสมือนทางผ่านระหว่างกรุงศรีอยุธยาฯ ครั้งรุ่งเรืองและกรุงเทพมหานครฯ ไม่ว่ากาลเวลาจะหมุนเวียนเปลี่ยนแปลง วิถีชีวิตที่มีการโยกย้านถิ่นฐานกันอย่างง่ายดาย…เมื่อแนวพรมแดนมิใช่อุปสรรคต่อการโยกย้าย อยู่อาศัย ทำมาหากิน…โลกที่เชื่อมโยงด้วยโลกเสมือนและการเคลื่อนย้ายแรงงาน…ความจริงที่ปฎิเสธไม่ได้…คือ”รู้ เข้าใจ ในเขาและตัวเรา” ที่ไม่ได้มีอะไรแตกต่างมากไปกว่าคำว่า….”มนุษย์”
คำอธิบายภาพ
###วัดเจดีย์ทอง วัดไทยซึ่งมีอายุเก่าแก่ มีมาตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี หลักฐานที่พบคือใบเสมาขนาดใหญ่หินทรายแดง ศิลปะอยุธยาต่อมาในสมัยกรุงธนบุรีและต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ชาวรามัญได้อพยพหนีพม่าจากเมืองเมาะตะมะ โดยมี พระยาราม ราชบุตรเขยพระยาเจ่ง หรือเจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง คชเสนี) เป็นพระเจ้ามหาโยธาเป็นผู้นำ เข้ามาอาศัยอยู่ทั่วเมืองสามโคก เป็นผู้ริเริ่มบูรณะวัดเจดีย์ทอง พร้อมทั้งสร้างถาวรวัตถุ กุฏิ ศาลาขึ้นใหม่ โดยได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๐๘ วัดเจดีย์ทองมีความสำคัญต่อชุมชนด้วยเพราะเป็นศูนย์รวมในการอนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณี และศาสนา มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ มีนามว่า “พระพุทธรูปหยกขาว” หรือ “หลวงพ่อขาว” พระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างขึ้นจากการแกะสลักด้วยหินหยกขาวพม่า โดยแกะสลักด้วยมือ ศิลปะแบบพม่า เล่ากันว่า หลวงตาอมรา พระภิกษุของวัดเจดีย์ทอง เดินทางไปศึกษาพระพุทธศาสนาด้านบาลี ณ เมืองหงสาวดี ประเทศพม่า เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๕๒ ครั้นท่านเดินทางกลับได้อัญเชิญ “พระพุทธรูปหยกขาว” ลงเรือจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่ามาประดิษฐาน ณ วิหารวัดเจดีย์ทองและ “โกศ” ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นใหม่เพื่อบรรจุอัฐิ ศิลปะพม่าและมอญผสมผสมผสานกันดูแปลกตาน่าชมยิ่งนัก ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบแบบจีน ตั้งอยู๋ใกล้ๆกับเจดีย์สีทอง
อ้างอิง:บทความ “อาเซียน” ในตัวเรา มี “ตัวเรา” ในอาเซียน
หนังสือ “วิวิธ อาเซียน” จัดพิมพ์โดยกระทรวงวัฒนธรรม
เรือนพิมพ์แม่ชอบ:บริหารจัดการโครงการ
ขอบคุณ :ธีรภาพ โลหิตกุลและฮ.ศุภวุฒิ จันทสาโร
โปรดติดตามเล่าเรื่องเมืองประทุมธานี…ตอนต่อไป
dapoxetine for premature Impossible 124 2 5 2 1 hd 2 3 4 Rispoli 3
cost of cytotec without insurance Either a full facemask or a mouthpiece retaining device The concept here is that if the DCS diver were to have a seizure, due to oxygen toxicity or the DCS, or lose consciousness for another reason, he or she would still receive the oxygen without risk of aspiration while the dive buddy starts the ascent to the surface