คำ : สกุล บุญยทัต
เมื่อมองเห็นสายธารแห่งลมฤดูหนาว
ผ่านต้องใบหญ้าที่โดดเดี่ยว
ความสั่นไหวของทุกสิ่งคือเสน่ห์ที่งดงามของความรัก
ฉันวิ่งออกไปหน้าชั้นเรียน
พยายามที่จะบอกกล่าวกับใครในตอนนั้นว่า
หยุดเรียนตัวเลขบ้า ๆ หยุดเรียนทฤษฎีบ้า ๆ เหล่านั้นสักครู่เถิด
มันไม่ยุติธรรมเลย
มันไม่ยุติธรรมเลย
ที่จะปล่อยแสงฉายของชีวิตให้ต้องผ่านเลยไปอย่างไรค่า
ทำไมเราต้องทำหน้าตาเคร่งเครียดกันถึงปานนั้น
ทำไมเราต้องกักขังเสรีภาพแห่งจิตใจของเราอย่างสิ้นท่า
ทำไมเราต้องหลอกลวงตัวเองอย่างผิด ๆ ถึงการตีความ และจดจำในสิ่งที่ซุกหลืบอยู่ในคอกขังแห่งปัญญาเท่านั้น
ทำไม…ทำไมถึงไม่ตัดสินใจกันล่ะว่า ขอเวลาให้เด็กน้อยอาบร่างอย่างอ่อนโยนกับสายลม…สักนาที
เมื่อได้กลิ่นดอกไม้ป่าล่องลอยฝากมาถึงคนรัก
ฉันอยากจะชวนเธอให้มากับฉัน
ทิ้ง ร เรือ ล ลิง ไว้ข้างหลัง
มันจะควบกล้ำหรือไม่ควบก็ช่างมัน
ในดงดอกไม้ป่าสีบานเย็น
ถุงทองล่องลอยเลื่อมสลับ
กลิ่นอายของความเป็นชีวิตแห่แหนสันติสุขขึ้นสู่บัลลังก์ของความจริงใจ
เราจะมามัวเห็นความสุขไปนรกกันทำไม
เราจะมามัวผลักไสแสงสีแห่งศรัทธาให้ตายไปต่อหน้าต่อตากระนั้นหรือ
เรายังต้องเตรียมตัวสอบและสอบ เพื่ออะไรสักอย่างที่สมมุติขึ้น อีกหรือนี่
ทิ้งห้องเรียนของเธอเสียเถอะ
ทิ้งภาษาที่ไม่ใช่ของตัวเองนั้นเสีย
ทิ้งความคิดที่เจ็บปวดว่าเมตา เมตาเวิร์สนั้นคืออะไร
ทิ้งข้อสงสัยในโลกาภิวัตน์
ทิ้งข้อสงสัยในปัญญาภิวัฒน์ เสียให้พ้น
เพราะว่าเราเกิดมาเป็นคน เราไม่ใช่ดอกผลของเงินตรา
ถึงจะถูกตราหน้าว่าไอ้โง่ ถูกพิพากษาว่าเป็นเช่นคนบ้า
ดอกไม้สายลมที่กล่าวมา เป็นขยะที่ไร้ค่าของสังคม
เก็บความกลัวของเธอเอาไว้ คำถามใดใดที่ถูกถาม
ให้ตอบไปด้วยจริงใจอย่าครั่นคร้าม ในคำถามมีคำตอบให้ทุกคน
ฉันอาจไม่อยากเก่งตัวเลข ไม่อาจเสกเป่าสิ่งมีค่า
ไม่รอบรู้ศาสตร์แห่งวิทยา ไม่รู้ค่าแห่งภาษาของกฎเกณฑ์
ไม่รู้อะไรทั้งนั้น
แต่ลองถามฉันดูอย่างนี้สิ
สายลมแห่งวัน เดือน ปี มีชีวิตจิตใจอยู่ที่ใด
ให้ถามถึงจันทร์แรมบนฟากฟ้า
ว่าเริงร่ากับนกกาเพราะเหตุไฉน
ถามถึงใบไม้สักใบ ว่ามีค่าเพียงไหนกับวิญญาณ
ขอหยุดหลอกหยุดลวงกันสักทีเถิด
เปิดใจรับใจจริงจริงบ้าง
อย่าให้ฝันของฝันต้องตกค้าง
แล้วมาอ้างบุญคุณที่จอมปลอม
อย่าให้ฝันของฝันต้องตกค้าง
แล้วมาอ้างบุญคุณที่จอมปลอม
อย่าให้ฝันของฝันต้องตกค้าง
แล้วมาอ้างบุญคุณที่จอมปลอม