บันทึกคนหลงทาง : อัยย์ รินทร์

แม้กาลเวลาจะล่วงผ่านมานาน แต่…เหตุการณ์บางเหตุการณ์ ยังคงฝังตรึงอยู่ในความทรงจำ 

“แม่ผมกำลังนั่งให้พี่สาวทำผม อยู่หน้าบ้านแล้วคลื่นก็หอบแกไปกับพี่พร้อมกัน สองเดือนกับการติดตาม เสาะหาศพแม่ โน่น ไปพบที่หาดไม้ขาว ญาติๆ พี่น้องของผมก็จากไป โดยไม่ทันได้ล่ำลา คลื่นเล มันซัดไปเหม็ด (หมด) นิ ” คำบอกเล่าของเพื่อน

เพื่อนซึ่งไม่ได้พบหน้ากันมานาน ในค่ำคืนนั้นขณะที่เรานั่งสนทนากัน คลื่นลมโถมกระหน่ำชายฝั่ง ระคนกับสายฝนห่าใหญ่ราวกับว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ (ค.ศ. ๒๐๐๔) จะซ้ำรอย “สึนามิ”มหาภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่มวลมนุษยชาติต้องเผชิญ กับการสูญเสีย 

ใช่…เหตุการณ์นั้นอาจเลือนหายไปสำหรับใครบางคน แต่คนที่ต้องอดทนอยู่กับภาพฝันร้าย ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านพ้นไปนานเพียงใด บาดแผลเหล่านั้นยังคงตามหลอกหลอน แต่…ในฝันร้าย ก็ยังมีฝันดีอยู่บ้าง

“ผมไม่มีกะจิดกะใจ จะอยู่กรุงเทพฯ จึงตัดสินใจกลับมาอยู่บ้าน ถึงแม้ว่ามันอาจจะสายเกินไป ต้องอยู่ให้ได้ไม่ว่าทะเลมันหอบแม่ หอบพี่น้องผมไป แต่ก็ยังดีกว่า ที่จะทนอยู่กับความวุ่นวาายอยู่ในเมือง ถือว่าการตัดสินใจครั้งนั้น ทำให้ผมได้ค้นพบความสุข ผมได้เริ่มต้นชีวิตครอบครัว และกำลังมีชีวิตน้อย ๆ มาเติมเต็ม” เพื่อนผมพูดพลาง วางมือลงบนท้องของคู่ชีวิต ทั้งสองได้พบรักและตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ณ..จุดนัดพบ ที่บ้านน้ำเค็ม 

สายวันต่อมาผมขับรถ มายังอนุสรณ์สถานสึนามิ บ้านน้ำเค็ม ภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้าแม้ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนไป จนไม่หลงเหลือร่องรอยของวันวาร ทว่าเสียงอึกทึกของเกลียวคลื่นที่ถาโถมกระหน่ำเข้าหาชายฝั่งธรรมชาติบางครั้งก็น่าหวาดกลัว ในขณะเดียวกันธรรมชาติก็เป็นผู้ให้ ที่ยิ่งใหญ่ ชีวิตคนเราคงคล้ายกันห้วงวัยหนึ่ง ความใฝ่ฝัน นำพาเราห่างไกลจากความสุข ที่แท้จริง ดีดดิ้น อยู่กับมายาคติ วนเวียนอยู่กับสุขเพียงชั่วครู่ ชั่วคราว แต่ทุก ๆ ความเจ็บปวดย่อมนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลง เมื่อถึงจุดหนึ่ง ที่จะต้องตัดสินใจเลือก ไม่ว่าพายุอุปสรรคพัดโหมกระหน่ำ คลื่นน้ำคำสบประมาท ย่อมมิอาจทำอะไรได้ หากมีจิตใจที่มั่นคง…คงได้ยลความสุขที่ยั่งยืน ดั่งผืนทรายที่โอบล้อมท้องทะเล.

ขอแสดงความอาลัยกับครอบครัวผู้สูญเสีย จากเหตุการณ์ภัยพิบัติ  “สึนามิ” ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๙

ขอแสดงความยินดีกับคู่รัก ที่หากันจนเจอ