คำ : -แม่น้ำ เรลลี่-
สายลมพลิ้วพัดมาตรงหน้าต่าง
แสงแดดอุ่นละมุนบางสาดผนัง
ฉันเหม่อมองแสนไกลไหวภวังค์
พิศภาพแห่งความหลังฝากฝังใจ
คืออบอุ่นของคืนวันอันแสนงาม
เมื่อ’รัก’ยังเป็นนิยามตามยุคสมัย
เมื่อ’ฝัน’ยังเป็นหมุดหมายประกายไฟ
ส่งมอบต่อเพื่อนใหม่ให้เติบโต
คือสัมพันธ์ต่อกันฉันท์ ‘น้องพี่’
ผลิบานมิตรไมตรีที่เกิดก่อ
ดังดอกไม้นวลขาวพราวลออ
ผูกเป็นช่อบุปผาบรรณาการ
ดำเนินด้วยอารมณ์ความรู้สึก
ตกเป็นผลึกความเคารพแม้พบผ่าน
เก็บเรื่องเล่าเยาว์วัยในวันวาน
บันทึกเป็นตำนานผสาน ‘เรา’
แต่เสี้ยวหนึ่ง ณ ราตรีจันทร์สีเลือด
คำเฉือนเชือดเริ่มขวางกั้น’ฉัน’ ‘เธอ’ ‘เขา’
แล้วมวลเมฆหนักอึ้งซึ่งสีเทา
ก็โปรยหว่านถ่านเถ้าความเกลียดชัง
ฉัน เธอ เขา มีพระเจ้าคนละองค์
เราถือธงหลากสีมีหลายฝั่ง
เหลือง แดง เขียว ส้ม ดำ ฟ้า มาทุกครั้ง
โอ้ ! ไหลหลั่งมวลประชา-มหาสงคราม
พลันดอกไม้ได้กลับกลายเป็นก้อนอิฐ
วาทะกรรมถูกประดิษฐ์-คิดเหยียดหยาม
คับแค้นก่อทุรยุคเพลิงลุกลาม
มฤตยูไถ่ถามเทพความตาย
ฉันเหม่อมองแสนไกลไปเบื้องหน้า
หวนนึกถึงห้วงเวลาแห่งความหมาย
เมื่อรัก-ฝันรวมกันมาทักทาย
กรุ่นกำจายบุปผานานาพันธุ์
หอมดอกไม้มิตรภาพเอิบอาบนัก
ดุจเพิงพักของกวีผู้สร้างสรรค์
หากบัดนี้…เป็นไปได้อย่างไรกัน
หวังสวรรค์ที่เลือนลับคืนกลับมา !