คลื่นน้ำกระพริบพราว สะท้อนแสงทองยามอรุณรุ่ง ณ แพริมแม่น้ำเจ้าพระยา สถานที่ ที่ผมข้ามผ่านไปผ่านมา ราวกับว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่แล้ว ผมต้องปรับเปลี่ยนความคิด เมื่อได้มีโอกาสมาเยือน วัดหงษ์ปทุมาวาส ซึ่งมีชื่อเดิมว่า “วัดหงษา”
มีข้อสันนิษฐานถึงการสร้างวัดแห่งนี้ เล่ากันว่า เมื่อครั้งที่ชาวมอญภายใต้การนำของพระยาเจ่ง ทำศึกสงครามกับกองทัพพม่าแต่สู้ไม่ได้ พระยาเจ่งจึงได้พาครอบครัวชาวมอญ อพยพมากรุงธนบุรี เพื่อหวังพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระเจ้ากรุงธนบุรี (สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช) พระองค์จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระยาเจ่งและครอบครัวชาวมอญ ที่ติดตาม ตั้งรกรากที่เมืองสามโคกและเมืองนนทบุรี
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๕ ได้เปลี่ยนชื่อจากวัดหงษา มาเป็น วัดหงษ์ปทุมาวาส ถ้าคนเราสามารถย้อนอดีตได้ก็คงดี จะได้เห็นถึงวิวัฒนาการความเปลี่ยนแปลงในแต่ละยุคสมัย ผมไม่รู้ว่าแม่เจ้าพระยาเมื่อ ๓๐๐ ปีก่อน ที่ไหลหล่อเลี้ยงวิถีชุมชนและวัฒนธรรมมอญจะเป็นเช่นไร
แต่สิ่งที่เห็นชัดแจ้งอยู่เบื้องหน้า คือฝูงปลาสวาย ปลาตะเพียนหางแดง ปลาชนิดอื่นๆต่างตะเกียกตะกายยื้อแย่ง อาหาร เศษขนมปังอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยาสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง ทั้งตัวศาลาการเปรียญศิลปะที่งดงาม เสาหงษ์ที่เป็นสัญลักษณ์เมืองหงสาวดี ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของชนชาวมอญ