ที่มาของมะระขี้นก
มะระขี้นก
ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Momordica charantia L. จัดอยู่ในวงศ์ Cucurbitaceae เช่นเดียวกับแตงกวา ฟักทอง และบวบ มะระขี้นกมีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของเอเชียและแอฟริกา และได้แพร่กระจายไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศไทย มะระขี้นกถูกนำมาใช้เป็นทั้งอาหารและสมุนไพรมาอย่างยาวนาน
สรรพคุณของมะระขี้นก
มะระขี้นกมีสารสำคัญหลายชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินเอ เบต้าแคโรทีน และสารขมชื่อโมโมดิซิน (momordicin) ซึ่งสารเหล่านี้ล้วนมีส่วนช่วยในการรักษาโรคต่างๆ ได้แก่
- ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด: สารโมโมดิซินในมะระขี้นกมีฤทธิ์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
- ช่วยลดคอเลสเตอรอล: มะระขี้นกช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ช่วยย่อยอาหาร: มะระขี้นกช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย ทำให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
- มีฤทธิ์เป็นยาถ่าย: ช่วยแก้ปัญหาท้องผูก
- ช่วยลดไข้: ช่วยลดไข้และบรรเทาอาการไข้หวัด
- มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ: ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสบางชนิด
- บำรุงสายตา: วิตามินเอในมะระขี้นกช่วยบำรุงสายตา ป้องกันโรคตาเสื่อม
- บำรุงผิวพรรณ: วิตามินซีช่วยให้ผิวพรรณสดใส ช่วยลดเลือนริ้วรอย
การนำมะระขี้นกมาใช้ประโยชน์
มะระขี้นกสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลายวิธี เช่น
- รับประทานสด: นำมาผัดกับไข่ แกงส้ม หรือทำเป็นน้ำพริก
- ดื่มน้ำคั้น: นำมะระขี้นกมาปั่นกับน้ำดื่ม
- ต้มดื่ม: นำมะระขี้นกมาต้มกับน้ำดื่ม
- ทำเป็นยา: นำมะระขี้นกมาทำเป็นยาแผนโบราณ
ข้อควรระวัง
- สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร: ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
- ผู้ที่มีแผลในกระเพาะอาหาร: ควรรับประทานด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากมะระขี้นกมีฤทธิ์ระคายเคืองกระเพาะอาหาร
- ผู้ที่แพ้: หากแพ้ควรหลีกเลี่ยง
สรุป
มะระขี้นกเป็นสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณทางยาสูง นอกจากรสชาติที่ขมแล้ว ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย การนำมะระขี้นกมารับประทานเป็นประจำ จะช่วยส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรงได้
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ทั่วไปเท่านั้น ไม่ควรถือเป็นคำแนะนำทางการแพทย์ หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ติดตามเรื่องราว “All about herbs” ที่นำเสนอเกี่ยวกับพืชสมุนไพร ที่ใช้การปรุงอาหารในครัวเรือน เพราะการรับประทานอาหารที่มีผัก ผลไม้พื้นบ้านและสมุนไพร แต่ละท้องถิ่นนั้นมีคุณค่าทาง โภชนาการ ช่วยในการเสริมสร้าง ภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ดังนั้นสุขภาพจะดีด้วย“อาหารเป็นยา”