เรือของคน แล่นฝ่า ทะเลไฟ  
ไปไม่ไหว ดอกท่าน อย่าหาญกล้า   
เรือของธรรม ลอยลำ สบายมา
ท่ามกลางห่า ฝนไฟ ได้เยือกเย็น    

พูดอย่างนี้ มีคนหา ว่าเหลวไหล
เพราะตรองสัก เท่าใด ก็ไม่เห็น   
เพราะไม่รู้ แยกความ ตามประเด็น  
ออกให้เห็น ว่าเป็น”ไฟ” อย่างไรกัน :     

อัตตภาพ ของคน กลกับเรือ    
ประกอบธรรม ทุกเมื่อ ไม่แผกผัน    
ย่อมผ่านพ้น ทะเลไฟ ไปทั้งนั้น 
ไฟทุกข์อัน ไฟกิเลส เป็นเหตุแล ฯ

…พุทธทาสภิกขุ

เรือธรรมกลางทะเลไฟ   
ทะเลไฟ  ร้อนแรง  อันแดงโชติ       
คลื่นพิโรธ  รุกโรม  โถมเข้าใส่                            
เรือลำหนึ่ง  ยังกล้า  ท้าเปลวไฟ                            
ด้วยเหตุใด  ไฟมิได้  ไหม้ลำเรือ     

ทะเลไฟอันร้อนแรงยากจะมีเรือลำใดแล่นไปได้  ดังนั้นเรือที่แล่นไปได้ต้องเป็นเรือพิเศษ   ทะเลไฟ หมายถึงสังสารวัฏที่ประกอบด้วยสิ่งคู่  เช่น ดี-เลว,  บาป-บุญ, ทุกข์-สุข       
เรือธรรมเป็นเรือที่รู้จักขจัดความโง่  ความหลง  ที่ไปยึดติดเป็นของคู่ว่าเย็นหรือร้อน  ดีหรือชั่ว  บุญหรือบาป      

เรือธรรมลอยอยู่ในทะเลไฟ  มันเข้าไปถึงจุดเย็นสูงสุด ที่มีอยู่ในความร้อนสูงสุด  อันหมายถึงความดับเสียได้ซึ่งความร้อนอันสูงสุด  เปรียบเหมือนว่ากลางเตาหลอมเหล็กอันร้อนจนโลหะละลายนั้น  จะหาความเย็นได้จากที่นั่น  เมื่อหยุดหรือดับความร้อนนั้นเสีย    เหมือนดั่งคำกล่าวที่ว่า  นิพพานหาพบได้ท่ามกลางวัฏสงสาร  หรือจุดเย็นที่สุดหาพบได้ กลางเตาหลอมเหล็ก ดังนั้นเรือที่แล่นไปได้ต้องเป็นเรือพิเศษ 

     วาปี คำโปตา (มาโนช เพ็งทอง)