คำ :องอาจ สิงห์สุวรรณ
1-
เท้าขีดเส้น เป็นทาง ต้น กลาง ปลาย
ลมของยาย ทุกนาทีมีเรื่องเล่า
แรงกระชั้น เหวี่ยงสะท้อน แสงซ่อนเงา
กระทั่งเริ่มแผ่วเบาลงรวยริน…
ความทรงจำ ยิ่งนานเหมือนยิ่งเลือนหาย
คำหมากคายแต่เดิม เริ่มไร้กลิ่น
คำเคยกล่อม ‘นอนสาหล่า’ ประสาดิน
เคยคุ้นยิน ราวมืดบอดทุกคอร์ดคีย์
ยืมขันธ์ห้า ตั้งต้นแต่หนหลัง
จวนส่งคืน เนื้อหนังธาตุทั้งสี่
ผ้าซับปาก ป้องปัด เทียวพัดวี
ลืมนาที อิ่มหรืออยาก พรากหรือพบ
ความกร้านแกร่งคูณสองของหญิงม่าย
เมื่อความตาย หนึ่งมนุษย์ถึงจุดจบ
ผัวผู้เหงื่อต่างน้ำ สร้างทำนบ
กลายเป็นศพ ตายโหงฟ้องโมงยาม
ท้ายพฤศจิกายน ลมต้นหนาว
หอบเรื่องราว วาบภวังค์ ตั้งคำถาม
“เฒ่าเอยเฒ่า ป่านนี้ ดีหรือทราม
ไปเกิดดีเกิดงาม อยู่ไสนอ…”
ไม่เสถียร คลื่นข้างใน ไม่เสถียร
ปากกาเขียน ค้างหมึก วรรคสึกหรอ
ความคิดถึง รอคำ พ้นลำคอ
สังขารก่อเกิดวลี ไม่กี่คำ
ผ้ายังวี พลางสลับขึ้นซับปาก
ตะกร้าหมาก เทียวหาอยู่เช้าค่ำ
เก้าทศวรรษ ผู้พลัดหลงในทรงจำ
ผญาซ่อนกลอนลำนัยตำนาน…
2-
‘ตะกร้าหมาก กูอยู่ไหน เห็นไหมเล่า’
ร่มมะขามมุมเก่า แก่กิ่งก้าน
เลือดทุกก้อน เลี้ยงจนโต โอ้ รำคาญ
ปล่อยเป็นสัตว์เฝ้าบ้าน รอวันตาย
ดึกเลือนราง ฟางฝ้าตาน้ำข้าว
หนาวไม่หนาว ให้เทิ้มสั่น สะบั้นหงาย
เมื่อแส้เสียงตวาด สาดโวยวาย
จันทร์ข้างแรม เห็นแก้มยาย คล้ายน้ำตา…
สั่นสะท้าน ปานนั้นยังรีบเช็ด
แต่ละหยด ห้ามเล็ด ลงใบหน้า
เสียงสาปแช่ง ปานสลุต อกุสลา
นั่งมองตน มองหมา ‘ค่าพอกัน’
ความทรงจำตกจม ร่มมะขาม
โซ่โดดเดี่ยวตรึงล่าม หนาวความฝัน
กอดผ้าห่ม ลมเร่ โอ้ เหมันต์
ร่วมรั้วบ้านหลังนั้น เคยปั้นเป็น
ผ่านอีกคืน จำได้ ไม่อยากจำ
โอ้ พรุ่งนี้ อีกกี่คำ รุมเฆี่ยนเข่น
ตะกร้าหมาก เคยคู่เงา เช้าคู่เย็น
จะตื่นเห็นอีกไหม ยังไม่รู้…