คำ : อมรศักดิ์ ศรีสุขกลาง
ภาพ :สุชาติ ชูลี


ละอองฝนเริงร่ายระบายพื้น
ถนนลื่นชื่นฉ่ำรับเช้าใหม่
เสียงรถยนต์​ยื้อแย่งแข่งกันไป
โลกยังคงเคลื่อนไหวอย่างเคยเป็น
ค่อยคลี่ม่านตะวันออก… แต่หมอกหนา
ถึงสว่างยังฝ้าหม่นฟ้าเห็น
แรสีทองอ่อนแรงแสงเยียบเย็น
ฝนกระเซ็นฟุ้งละอองนกร้องรำ
ถึงหวาดกลัวโรคภัยไหม้หมอง
แต่ปากท้องยังร้องร่ำ
เสี่ยงภัยสารพัดปฏิบัติธรรม
อยู่ในโลกหมองคล้ำประจำมา
มีทรงจำบางเสี้ยวเป็นเรียวเส้น
ขีดเน้นเฆี่ยนโบยให้โหยหา
ถึงฝนแรกทอรุ้งลงทุ่งชรา

ชานชาลารถโดยสารนานมาแล้ว…
ใครจะนึก… เด็กน้อยเพียงผล็อยหลับ
ก็พบกับโลกเปลี่ยนไปใจแทบแป้ว
ฝันและเพ้อละเมอผวาคว้าแสงแวว
ตื่นสะดุ้งเรี่ยวแรงแผ่ว… ผจญเมือง!

ขับรถระวังหน่อย
ฝนปรอยถนนลื่นจะเกิดเรื่อง
ขอบฟ้าฝั่งนั้นค่อยค่อยเรือง
แสงเรื้องรังรองส่องเข้าตา
ที่นี่​ ที่นั่น​ ที่ไหน
มือกุมหัวใจเดินไปข้างหน้า
ทางยังชื้นเปียกชุ่มดุ่มเดินมา
จงเดินช้าระวังลื่น… ตื่นอีกเช้า!

-เกี่ยวกับกวี-
อมรศักดิ์ ศรีสุขกลาง เกิดบนพื้นที่แถบลุ่มน้ำเจ้าพระยา หลังจากเกิดได้ไม่กี่เดือน ถูกส่งไปอยู่ดินแดนประตูสู่ภาคตะวันออกเฉียงแถบที่ลุ่มแม่น้ำมูล เติบโตที่นั่น เริ่มอ่านหนังสือจากนิยายภาพที่พ่อซื้อมาอ่านเป็นประจำ เริ่มต้นอ่านวรรณกรรมจาก “สายลม – แสงแดด” ของวิลาศ มณีวัตร เกิดแรงบันดาลใจให้เริ่มเขียนบันทึกทั้งความรู้สึกและคำคล้องจองมาตั้งแต่เรียนชั้นประถมศึกษา เรื่องสั้นเรื่องแรกได้รับการตีพิมพ์ในวารสารโรงเรียน เมื่อตอนเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔

จากนั้นได้พบครูทางการเขียนคือ “เพชรยุพา บูรณ์สิริจรุงรัฐ” บรรณาธิการ ณ เพชรสำนักพิมพ์ และเริ่มใฝ่ฝันจริงจังต่อการเขียนหนังสือ จากนั้นมีผลงานตีพิมพ์ในพื้นที่ต่างๆ เป็นครั้งคราว จบการศึกษาปริญญาตรีสาขาเกษตรเขตร้อน จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีหนังสือรวมบทกวีเล่มแรก ชื่อ “รักช้าๆ”