บันทึกคนหลงทาง : อัยย์ รินทร์
ในยามที่โกรธ หงุดหงิด ผิดหวังฯลฯ เราทุกคนต่างมีอารมณ์เหล่านี้ส่วนจะมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานอารมณ์ของแต่ละคน บางครั้งเรามักจะโทษสิ่งรายล้อมรอบกาย ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ต้องขุ่นมัว ครั้นสงบมีสติ คิด ทบทวนจะรู้สึกว่าเราเองนั่นแหละที่หวั่นไหวและปราะบาง ขณะที่เข็มนาฬิกา กระดิกผ่าน วินาที สู่นาที เป็นชั่วโมง กับโมงยามของแต่ละวันที่ผ่านไปแล้วและวันใหม่กำลังจะผ่านเข้ามา ทุกๆ วินาทีโลกแห่งข้อมูลข่าวสารเผยแพร่ผ่านหลายช่องทาง ทีวี หนังสือพิมพ์ สื่อโซเชี่ยล ข่าวฆาตกรรม อัตวิบากกรรม ฉกชิง วิ่งราว นักการเมือง ภัยธรรมชาติฯลฯ จนอยากจะเบือนหน้าหนี แต่คำๆ หนึ่งผุดขึ้นมา “มันก็เป็นเช่นนั้นเอง” เป็นคำธรรมดาซึ่งท่านพุทธทาส บอกญาติโยมที่มาปรึกษาปัญหาชีวิต หน้าที่การงานชีวิตครอบครัว “มันก็เป็นเช่นนั้นเอง” คือเขาก็เป็นเช่นนั้นเราไม่สามารถ เปลี่ยนแปลงอะไรใครได้ แต่เราสามารถเปลี่ยนตัวเองได้แค่นั้นเอง
หลายปีก่อนมีหญิงชราคนหนึ่งใช้วิถีชีวิตสันโดษท่ามกลางป่าเขา เธอขุดกลอย ขุดมัน วันฝนตกเธอจะไม่ไปไหน เพราะไม่สะดวก หากแต่ทุกๆ วันพระเธอจะเดินลงเขา มาจำศีลและแบกสัมภาระข้าวสารอาหารแห้งขึ้นเขาในเช้าวันถัดไป เธอคือ”ย่ายิ้ม”…
“ระยะทางจากบ้านคุณยายลงไปหมู่บ้านห่างไกลตั้ง ๘ กิโลเมตร แถมเส้นทางยังยากลำบาก เดินขึ้นลงเขาไปวัดไม่เหนื่อยหรือครับ?“ พิธีกรรายการฅนค้นคนถาม หญิงชรายิ้มแล้วตอบคำถามแสนจะเรียบง่าย“ก็มันเคยเสียแล้ว”
“แล้วอยู่คนเดียว ในป่าในเขาอย่างนี้ เวลาค่ำคืนเกิดเจ็บป่วยไม่สบายขึ้นมาจะทำอย่างไร?”พิธีกรคนเดิมถามอีกครั้ง
ย่ายิ้มก็ตอบกลับว่า“ถ้าเป็นอะไรไปมันก็เคยเสียแล้วนี่หนา”
สองคำสอนสองผู้ผ่านพบกับความเป็นจริงของชีวิต บทเรียนรู้ที่จะอยู่กับความทุกข์ มองข้ามอุปสรรค เอาชนะจิตใจตนเองด้วยการอดทน “มันก็เป็นเช่นนั้นเอง ก็มันเคยเสียแล้ว”คือธรรมคำสอนแห่งวิถีการปฎิบัติ คนเรามักจะหลีกหนีคำว่าทุกข์ เพื่อแสวงหาความสุข บางคนมีอารมณ์หงุดหงิด ขุ่นมัว โกรธง่าย ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเหตุ ที่บ่งบอกถึงภูมิต้านทานบกพร่อง แสร้งตีหน้ายักษ์มาร ท่าทีภายนอกแข็งแรง หากภายในจิตใจนั้นอ่อนแอ.
cronadyn vs priligy Ryousuke Tamura