บทกวีสักบทของฉัน คือศาสตร์จำนรรซ่อนศิลป์ คือดนตรีบรรเลงเป็นเพลงพิณ อาจโอบฟ้าห่มดินผ่าทำนอง มีอารมณ์รู้สึกนึกคิด จูงจิต ลำพังตน เสาะสนอง อาจสร้างฝันสื่อวิญญาณ์ด้วยลำพอง จักสอดคล้องวิชาใดไม่ฟันธง บทกวีสักบทของฉัน วรรณศิลป์ร้อยพันสื่อประสงค์ ขับกล่อมบรรเลงเป็นเส้นตรง อาจเสริมส่งชี้ทางผู้เดินทาง อาจเศร้าเหงาบ้างระทมทน ซ้ำซากเบื่อบ่นถากถาง อาจไร้ สาระ อาจละวาง แต่เป็นเยื่อหุ้มบางของหัวใจ บทกวีสักบทของฉัน อาจเป็นนิราศแรมจันทร์หวั่นไหว อาจสื่อสาร ส่งสิ่ง บันดาลใด จากจุดหนึ่งสู่จุดใหม่ไร้วิจารณ์ อาจเป็นสำเนียงเสียงกู่ ว่ารออยู่อย่างตำนานพื้นบ้าน เป็นชาวนากับงูเห่าทำบุญทาน อาจเป็นอุดมการณ์จากภายใน บทกวีสักบทของฉัน หอมกลิ่นกรุ่นตะวันกับฟ้าใส อาจระเหยอุ้มฝนเมฆหม่นไป หลายรูปทรงอาศัยกลืนกินกาล อาจมึนเมาอักษรด้วยอ่อนหัด ละลานพลัดล้มหล่นอวสาน อาจต้องซดน้ำตาแทนน้ำตาล จักรวาลโจษจันจับประเด็น บทกวีสักบทของฉัน ตอบถ้อยร้อยพันหลากแลเห็น แนบผนึกธุลีรักฝากลมเย็น ศรัทธาเร้น รอยธรรม รินสายธาร หมดแล้วที่จิตสัมผัส ร้อยรัดสัมพันธ์ในแก่นสาร ณ ขณะ นาที ของวันวาน เผชิญหน้าปาฏิหาริย์ ด้วยยินดี โมกหอม
ขอขอบคุณ :
พี่ยุพิน นราพงษ์ ที่ส่งภาพมาร่วมแสดง แต่ไม่ทันได้แสดงที่อื่นก็ถูกจับจองเสียแล้ว
ภาพที่สอง คุณ รติรัตน์ รถทอง ขอเก็บไว้เป็นที่ระลึก