บ้ า น เ ก่ า ที่ท้ายเหมือง
เรื่องและภาพ : ชิด ชยากร
วันนี้ขอออกนอกเรื่องตะกั่วป่าเพราะอดใจไม่ไหวกับบ้านหลังนี้ ผมผ่านเส้นทางระหว่างท้ายเหมืองกับโคกกลอยมากว่า 50 ปี แต่บอกตรง ๆ ว่าไม่เคยเห็นบ้านหลังนี้ ทั้งที่บ้านหลังนี้อยู่ริมถนน วันจันทร์ที่ผ่านมาขับรถจากตะกั่วป่าไปภูเก็ต ช่วงที่ผ่านตลาดท้ายเหมืองไปได้นิดเดียว สายตาหันไปเห็นบ้านหลังนี้อย่างไม่ตั้งใจ สัมผัสแรกของดวงตาบอกกับตัวเองว่างามมาก แม้เห็นเพียงไม่กี่วินาทีแล้วขับรถผ่าน ผมอดใจไม่ได้ที่จะกลับรถมาชมดูอีกครั้ง เมื่อได้เห็นบ้านหลังนี้เต็มตา ผมจึงรู้ถึงสาเหตุของการที่สายตามองผ่านเลยมานานนัก เหตุผลง่าย ๆ คือแม้บ้านหลังนี้อยู่ริมถนน แต่กลับถูกต้นไม้รกเรื้อมาเป็นม่านบัง น่าจะทั้งไม้ใหญ่ทั้งหญ้ารก มันปกปิดจนคล้ายกลืนบ้านหลังนี้เข้าไปในกระเพาะของป่าใหญ่ ที่ผมเห็นวันนี้เพราะมีการถางไถที่ดินบริเวณนั้นจนราบเรียบ ตัวบ้านจึงโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางที่ดินผืนใหญ่ สังเกตเห็นจากระยะไกลว่าหลังบ้านมีรถแทรกเตอร์กำลังไถปรับพื้นที่ ความสวยของบ้านหลังนี้ทำให้ผมต้องรีบบันทึกภาพไว้ในกล้องถ่ายรูปทันที
ได้เพียงภาพ-มิมีข้อมูลใดที่จะนำมาบอกเล่าได้เลย
ผมเดินข้ามถนนไปอีกฟาก เพื่อสอบถามชาวบ้านในเรื่องราวของบ้านเหล่านี้ โชคดีที่พอจะได้ข้อมูลมาบ้าง แม้จะไม่มีอะไรมาก แต่พอที่จะคลายความสงสัยลงได้บ้าง ชายสูงวัยคนนั้นบอกชายสูงวัยคนนี้ว่า
“เป็นบ้านของคนในท้ายเหมืองนี่แหละ แกชื่อ……..(ผมฟังไม่ถนัด รู้แต่ว่าเป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียนขานกัน น่าจะเป็นชื่อภาษาจีน) บ้านแกอยู่กลางหลาด แกยกให้ลูกแกแล้ว แต่ลูกแกไปอยู่กรุงเทพฯ บ้านหลังนี้เป็นบ้านเก่ามาก ๆ “
แม้เป็นข้อมูลเล็กน้อย แต่ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย ผมข้ามถนนเดินกลับไปอีกฟากหนึ่งอีกครั้ง พยามยามเดินเข้าไปให้ใกล้ตัวบ้าน เพื่อนที่จะถ่ายรูปให้หลากหลายมุม แต่คำว่า “บ้านเก่า”คล้ายมีอะไรแฝงอยู่ในความเก่ามาก-ในความรู้สึกของผม ผมมีความกริ่งเกรงต่อทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปโดยไม่ได้ขออนุญาต การเดินเข้าไปในเขตบ้านโดยพละการ แต่เรื่องใหญ่ลึกๆกลับอยู่ในใจ-นั้นคือเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทวดาผีบ้านผีเรือนและเจ้าที่เจ้าทาง ผมยกมือไหว้ขอเข้ามาด้วยหัวใจบริสุทธิ์ …เชื่อว่าพระภูมิเจ้าที่ในศาลหน้าบ้านคงรับทราบแล้ว ข้างบ้านมีต้นไทรใหญ่ ตรงร่มไทรมีสิ่งปลูกสร้างรูปทรงสี่เหลี่ยม ถูกม่านไทรย้อยห้อยทับ ผมมิกล้าเข้าไปดูใกล้ๆว่าเป็นสิ่งใด เพราะบรรยากาศยามเย็นคล้ายยิ่งวังเวง
ผมถ่ายรูปไปยกมือไหว้ไป ถ่ายได้ 7-8 รูป ดูเหมือนคนขับรถไถเห็นผมแล้ว ผมเดินเข้าไปใกล้เขา เพื่อขออนุญาตถ่ายรูป เขายิ้มให้อย่างยินดี แล้วบอกว่าถ่ายได้ตามสบาย เสียดายที่บ้านถูกปลวกกินจนหมดแล้ว เขายังบอกผมอีกว่าบ้านหลังนี้อายุราว 200 ปี ผมตอบครับๆๆๆ แต่ใจผมกลับค้านคำพูดนี้
ผมเดินบันทึกภาพและชมความงามอย่างอิ่มเอมใจ ทั้งที่ยามเย็นเริ่มเยือนย่าง ตะวันหรู่แสงลงไปมากแล้ว สิ่งเดียวที่ผมต้องทำคือรีบๆถ่ายให้ได้มากที่สุด อยากจะบอกทุกท่านว่าบ้านแบบนี้ที่ท้ายเหมือง อาจจะมีหลังนี้เพียงหลังเดียว นี่เป็นบ้านที่เรียกได้ว่าสวยที่สุดหลังหนึ่ง ผมไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าบ้านหลังนี้จะยังอยู่ให้ท่านชมหรือไม่ ถ้ามีโอกาสแวะเก็บรูปไว้ในความทรงจำนะครับ เพื่อน ๆ อาจจะถามผมว่าบ้านหลังนี้อยู่บริเวณไหน ถ้าขับรถจากท้ายเหมืองไปทางโคกกลอย ออกจากตลาดท้ายเหมืองไปไม่ไกล ผ่านโลตัสที่อยู่ด้านซ้ายมือไปไม่มาก จะพบลานดินกว้างที่เพิ่งถูกปรับพื้นที่ บ้านหลังนี้อยู่ตรงนั้นครับ
…อย่าลืมเอ่ยปากขออนุญาตจากเจ้าที่เจ้าทางก่อนนะครับ ผมขอมาเรียบร้อยแล้ว ภาพที่ถ่ายมาจึงไม่มีอย่างอื่นติดมาด้วย…