ก​ ลั่ น​ แ​ ก้​ ว

เรื่องและภาพ : ชิด ชยากร

รูปที่เห็น-ไม่มีให้เห็นแล้วในปัจจุบัน​ มันถูกรื้อออกไปนานหลายสิบปีแล้ว​ ถ้าเป็นคนที่อื่นอาจจะถามว่า.. สถานที่แห่งนี้คืออะไร​ แต่คนตะกั่วป่ารู้ดีว่านี่คือ​ “โรงหนังกลั่นแก้ว”

กลั่นแก้ว… เป็นที่รู้จักกันดีของคนในท้องถิ่น​ เพราะเป็น​ 1​ ใน​ 2​ ของโรงหนังยุคสุดท้ายในตลาดเก่า​ แต่เชื่อเถอะว่าน่าจะมีน้อยคนนักที่รู้ประวัติโรงหนังแห่งนี้ ผมเองก็แทบจะมิรู้อะไรมากเลย​ ตั้งแต่จำความได้ก็เห็นกลั่นแก้วแล้ว​ ทุกวันนี้ไปถามใครต่อใครเกี่ยวกับที่นี่​ ล้วนไม่มีคำตอบที่ชัดเจน​ ผมอยากรู้ว่าสร้างมาตั้งแต่เมื่อไร​ เลิกเมื่อไร​ ทุกคำถาม-ไม่มีคำตอบให้ทราบจริงๆ​ ทราบเพียงว่าเจ้าโรงหนังเสียชีวิตแล้ว​ ลูกๆ หลานๆ ย้ายไปอยู่ที่อื่น​ ดูเหมือนจะมีเพียงสะใภ้กลั่นแก้วคนเดียว-ที่ยังอยู่ตะกั่วป่า โรงหนังแห่งนี้​ เจ้าของคือแป๊ะพวย… ทราบว่าแกเป็นลูกชายของขุนกลั่นแก้วกำธร​ เป็นคนตะกั่วป่าโดยกำเนิด.. ตอนผมเป็นเด็ก​ ถ้าเป็นวันโรงเรียนปิด-จะมาที่ตลาดสดบ่อยๆ​ โรงหนังกลั่นแก้วอยู่ฝั่งตรงข้ามตลาดสด​

แป๊ะพวย-รับสัมปทานดูแลตลาดสดจากเทศบาลตะกั่วป่า​ ทุกเช้าแกจะเดินเก็บค่าแผงขายของในตลาดสดทุก ผมชินกับภาพชายสูงวัยที่มักจะนุ่งกางเกงขาสั้นคนนี้เสมอ กลั่นแก้วเป็นธุรกิจในครอบครัวของแก​ โรงหนังแห่งนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก​ เพราะอยู่ในทำเลที่ดี​ ถือเป็นทำเลทองของตลาดเก่าเลย​ และเป็นคู่แข่งสำคัญของโรงหนังเจริญจิตที่อยู่ตลาดเหนือ ยุคนั้นตะกั่วป่าเจริญรุ่งเรืองมาก​ อิทธิพลของแร่ดีบุกทำให้กลายเป็นแหล่งขุดทองของคนแทบทุกจังหวัด​ ตลาดเก่ากลายเป็นชุมชนที่ไม่ยอมหลับใหล​ โรงหนัง-ถือได้ว่าเป็นความบันเทิงลำดับแรกๆที่ผู้คนชอบมากที่สุด… หนังแต่ละเรื่องจึงมิเคยร้างผู้ชมเสมอมา ที่นี่ฉายหนังทุกประเภท​ ทั้งไทย​ จีน​ ฝรั่ง​ อินเดีย​ ปกติจะฉายเรื่องละสองคืน​ แต่ถ้าหนังดีจะเป็นสามคืนบ้าง​ สี่คืนบ้าง​ ดูจากปริมาณผู้ชมแล้ว​ เชื่อว่าคงทำกำไรให้กับเจ้าของอย่างมหาศาล

หน้าโรงหนังจะเป็นลานทรายและติดกับถนนหน้าตลาดสด​ ลานทรายแห่งนี้จะเป็นที่ละเล่นต่างๆของเด็กหน้าโรงหนัง​ ถ้าวันไหนหนังดี​ ลานแห่งนี้จะยั้วเยี้ยไปด้วยผู้คน ด้านซ้ายของหน้าโรงหนังมีแผงขายขนมขบเคี้ยว​ คนที่เข้าไปดูหนังมักจะมาซื้อขนมที่นี่​ หลังแผงขายขนมเป็นโต๊ะบิลเลียด… ที่นี่เขาจะไม่ค่อยให้เด็กๆเข้าไป​ ผมเองอยากรู้อยากเห็นมาก​ จึงทำตัวลีบๆแอบเดินเข้าไปดูอยู่หลายครั้ง ด้านใน-เป็นภาพที่ไม่ค่อยน่าดูนักในความรู้สึกเด็กชั้นประถม​ สิ่งแรกที่สายตาสัมผัสคือควันบุหรี่คละคลุ้ง​ มุ่นขาวลอยกระจายทั่วทั้งห้อง​ รู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที​ นักเล่น-บางคนถอดเสื้อเดินคาบบุหรี่ที่มุมปาก​ ถือไม้คิวเวียนรอบโต๊ะ.. ผมดูไม่รู้เรื่อง​ รู้สึกเหมือนเป็นสิ่งน่าเบื่อมาก.. เข้าไปได้ไม่นานต้องออกมาอย่างรวดเร็วทุกครั้ง

ด้านขวามือของหน้าโรงหนัง​ เป็นร้านขายโกปี้ที่มีคนพลุกพล่านตลอดเวลา​ ถือเป็นร้านขายดีมากๆ​ ร้านนี้เปิดขายตั้งแต่เช้าตรู่​ เปิดก่อนพระอาทิตย์ชมโลก​ และปิดหลังจากหนังเลิก… จุดนี้ถือเป็นหนึ่งในสภากาแฟสำคัญของตลาดเก่า โรงหนังมีสองชั้น​ คือชั้นล่างและชั้นบน​ ส่วนมากคนจะดูชั้นล่าง​ ถ้าผมจำไม่ผิดชั้นบนค่าดูแพงกว่า​ เพราะไกลกว่าและมองเห็นชัดกว่า บ้านผม-จะได้สิทธิ์พิเศษจากกลั่นแก้ว​ เพราะป๋าจะเป็นคนไปรับรูปหนัง(ที่ติดเพื่อโฆษณาหน้าโรง)​จากโรงหนังที่ภูเก็ตมาให้ที่นี่​ จะเป็นด้วยสาเหตุใดไม่รู้ชัด​ ป๋าไม่เคยเก็บค่าขนส่งรูปหนังจากเขา​ เรียกได้ว่าบริการฟรีโดยตลอด​ ทางโรงหนังจึงให้ป๋าดูหนังฟรีได้ทุกเรื่อง​ แต่ทำไปทำมามิได้ฟรีเฉพาะป๋าคนเดียว.. เรียกได้ว่าฟรีกันทั้งบ้าน

ถ้าวันไหนไปดูหนังกับป๋า-ไม่มีปัญหาในการผ่านประตูเข้าไปแต่อย่างใด​ เพราะเขารู้จักป๋าทั้งหมด​ แต่ถ้าวันไหนป๋าไม่ไปด้วย-นับว่ายุ่งยากไม่น้อย​ มีอยู่ครั้งหนึ่ง​ โป้-น้องชาย​ เดินจะเข้าประตูโรงหนัง​ เจ้าหน้าที่เฝ้าประตูเอามือกั้น​ แล้วถามว่า.. ลูกใคร​ พอโป้บอกชื่อป๋า… เขาจึงยอมให้เข้า บ้านเราชอบดูหนังกันทั้งบ้าน​ สมัยนั้น-นอกจากหนังดีหรือไม่ดีแล้ว​ สิ่งสำคัญมากที่สุดอีกอย่างที่จะทำให้คนเข้าดูหนังมากหรือน้อยคือ​ “นักพากษ์”

ปี​ พ.ศ.2510​ กว่าๆจนถึง​ 2520​ หนังไทยส่วนมากใช้เสียงในฟิล์ม​ ถ้าเป็นหนังชาติอื่นส่วนมากต้องใช้คนพากษ์ ยุคนั้นเป็นยุคทองของหนังจีน​ หนังที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือหนังกำลังภายในของบริษัทชอว์บราเดอร์สแห่งฮ่องกง​ ดาราทองในยุคนั้นเริ่มจากหวังอยู่​ โดยเฉพาะเรื่อง​ เดชไอ้ด้วนทั้งภาค​ 1​ และ​ 2​ ทำรายได้ให้กับกลั่นแก้วอย่างมหาศาล​ นอกจากนั้นยังมียอดซุปเปอร์สตาร์อย่าง​ เดวิด​ เจียง, ตี้หลุง, เฉินกวนไถ้, ฟู่เซิง, หวังจง, ชิกวนชุน​ ฯลฯ

หนังที่ดาราเหล่านี้แสดงนำ​ มีผู้คนแห่มาชมกันคับคั่ง​ และที่สำคัญคือ​ ถ้ามีการประกาศว่า​ ผู้พากษ์คือ​ “มนต์ฟ้า” ไม่ว่าจะเป็นหนังดีหรือไม่ดี​ นามมนต์ฟ้ายังขลังว่าเนื้อหาและความโด่งดังของตัวหนังเสียอีก​ ถ้ามนต์ฟ้าพากษ์.. คนแน่นทั้งโรงทุกเรื่องและทุกรอบ

“มนต์ฟ้า” คือใคร? ดังเพราะอะไร? ทำไมคนตะกั่วป่าชอบกันนัก

ผมค่อนข้างโชคดีที่ได้ดูมนต์ฟ้าพากษ์อย่างใกล้ชิดเสมอ​ ถ้าวันไหนมีหนังที่มนต์ฟ้าพากษ์​ ป๋าจะพาผมไปดูที่ชั้นบน​ มนต์ฟ้าอยู่ในห้องพากษ์ที่ชั้นบน​ ห้องพากษ์อยู่ติดกับห้องฉายหนัง​ ตรงห้องพากษ์จะถูกเจาะเป็นช่องคล้ายหน้าต่างและเล็กและแคบกว่า​ เพื่อให้นักพากษ์ได้มองดูหนังขณะพากษ์

ผมจะมายืนอยู่ข้างช่องดูหนังของนักพากษ์​ เรียกได้ว่าใกล้มาก.. ไม่น่าจะไกลเกินสองเมตร​ ผมดูหนังไปแอบดูนักพากษ์ไป

มนต์ฟ้า.. วันนั้นอยู่ในวัยหนุ่ม เป็นชายร่างท้วม​ ผิวคล้ำ​ มีเรียวหนวดเหนือริมฝีมาก​ ชอบถอดเสื้อขณะนั่งพากษ์​ เสน่ห์ของเขาอยู่ที่น้ำเสียงหนักแน่น​ ชัดเจน​ และที่สำคัญคือพากษ์แบบเจ้าบทเจ้ากลอน​ มีคำคล้องจองและบางครั้งตลกได้อย่างสนุกสนาน

บางคนไม่สนใจว่าหนังเรื่องอะไร​ ขอเพียงมนต์ฟ้าพากษ์เขาเข้าดูอย่างแน่นอน​ ปกติเขาพากษ์หนังจีนกำลังภายใน​ แต่ด้วยอิทธิพลความดัง.. บางครั้งยังไปพากษ์หนังฝรั่งด้วย​ ซึ่งแน่นอนว่า.. หนังเรื่องนั้นๆย่อมทำรายได้ดีเกินคาด

เสียดาย.. ผมไม่มีข้อมูลอื่นใดของมนต์ฟ้า​ ผมเคยพยายามสอบถามผู้รู้เกี่ยวกับเขา​ แต่ข้อมูลที่ได้มากลับทำให้สับสน​ เช่น​ บางคนบอกว่าเขาเป็นคนชุมพร​ บางคนบอกว่าเขาเป็นคนท้ายเหมือง​ ปัจจุบันนี้ยังอยู่ที่ท้ายเหมือง… พอมีใครทราบข้อเท็จจริงบ้างไหมครับ

วันรุ่งโรจน์ของกลั่นแก้วจบสิ้นลง​ เมื่อสิ้นสมัยเหมืองแร่​ และเป็นยุคของวีดิโอที่เข้ามาทดแทนความบันเทิงในโรงหนัง​ ผมไม่แน่ใจว่ากลั่นแก้วกับเจริญจิต.. โรงไหนเลิกราไปก่อน​ แต่ที่แน่ๆทั้งสองโรงเหลือแค่ภาพในความทรงจำเท่านั้น

ภาพด้านหลังโรงหนังที่เป็นสังกะสี​ ถูกลบเลือนไปจากพื้นที่เดิมแล้ว​ ผมจำได้ดีว่าตรงที่มีรถเครื่องจอดอยู่(ในภาพ)​ บนแผ่นสังกะสีระดับสายตา​ มีตัวอักษรโย้เย้เขียนด้วยสีว่า… ที่หมาเยี่ยว.. ตอนนั้นผมยังเด็กเกิน​ นึกอยู่ในใจว่า.. ทำไม่กลิ่นเยี่ยวหมาเหมือนเยี่ยวคน….

วันนี้กลั่นแก้วกลายเป็นเทสโก้โลตัสไปแล้ว.. เป็นการจากไปอย่างไม่มีวันกลับ..

คิดถึงนะกลั่นแก้ว
คิดถึงนะ.. มนต์ฟ้า ดูน้อยลง