“พระจันทร์สวยนะ!”ที่จริงพระจันทร์ก็สวยทุกค่ำคืน แม้ในคืนค่ำที่เมฆดำทะมึนบดบัง เพียงหลับตาเปิดใจ เพียงปรับเปลี่ยนมุมมองและความคิดไม่มีค่ำคืนไหนที่ดาวดารดาษท่ามกลางฝนพรำ บางคืนค่ำดวงจันทร์และดวงดาราส่องแสงทักทาย บอกความหมายถึงการมีอยู่ ก็แค่หยั่งราก ตั้งมั่นกับผืนดิน แว่วสำเนียงเสียงกระซิบผ่านสายลม มาจากที่ใดสักแห่ง“สติ”

ในความพร่าเลือนอาจมองเห็นบางอย่างชัดแจ้ง สิ่งเห็นที่ล้วนแล้วแต่เป็นมุมมองของแต่ดวงตาแต่ละคู่ ขึ้นอยู่กับว่าเราแปลงสิ่งที่เห็น และความจริงนั้นไว้อย่างไร
ฤดูร้อนระอุกำลังล่วงผ่าน-ผ่านไปพร้อม ๆ ห้วงยามแห่งการหยุดพัก ทบทวนและมองโลกในมุมกลับ 






ความชัดเจนอาจเผยให้เห็นถึงอะไรหลาย ๆ อย่างที่คลุมเครือ ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้เงาทะมึน-ความมืดมนบางครั้งก็ให้คุณค่าแห่งการเรียนรู้ หากเปิดหัวใจ เปิดตา ยอมรับ ความจริงแท้ -เราก็แค่เสี้ยวธุลี ที่ล่องลอยไปตามสายลมแห่งกาลเวลา 

ฤดูร้อนกำลังผ่านไปพร้อม ๆ มฤตยูร้ายคร่าชีวิตผู้มากมายบาดเจ็บล้มตายและหวาดกลัว เหมือนนกน้อยกระพือปีกโบยบินคืนสู่เรื้อรังนอน ในขณะที่ตาลโตนดยืนต้นโดดเด่นท้าทาย อัสดงจะลาลับผืนฟ้าในอีกไม่ช้านานก็ถูกแพรผืนสีดำแห่งรัตติกาลแผ่คลุม ดาวดวงน้อยนับร้อย พัน หมื่นล้านดวงกระพริบพราวราวกับโบกมือทักทาย ดวงจันทร์หงายแย้มยิ้มกับก้อนเมฆที่เคลื่อนคล้อยล่องลอยไปตามสายลม

มฤตูร้ายถั่งโถมเข้ามา มันคร่าชีวิต กระชากจิตวิญญานให้สับส่ายไปกับความหวาดกลัวทว่ามันกำลังจะผ่านไป ตาลโตนดที่ยืนเด่นในเงารัตติกาล ทิวาวารก็ยืนอยู่ท่ามกลางฝนพร่างพรำ หรือไอแดดแผดร้อน มันกำลังบอกอะไรนะ…

“พระจันทร์สวยนะ!”ที่จริงพระจันทร์ก็สวยทุกค่ำคืน แม้ในคืนค่ำที่เมฆดำทะมึนบดบัง เพียงหลับตาเปิดใจ เพียงปรับเปลี่ยนมุมมองและความคิดไม่มีค่ำคืนไหนที่ดาวดารดาษท่ามกลางฝนพรำ บางคืนค่ำดวงจันทร์และดวงดาราส่องแสงทักทาย บอกความหมายถึงการมีอยู่ ก็แค่หยั่งราก ตั้งมั่นกับผืนดิน แว่วสำเนียงเสียงกระซิบผ่านสายลมมาจากที่ใดสักแห่ง “สติ”  ด้วยก้าวย่างที่เปิดมุมมอง โลกมีความงามและโรคร้ายไม่ได้โหดเหี้ยมเสมอไป อยู่ที่เรา อยู่ที่ใจและความงามของจิตวิญญาณ.