บันทึกคนหลงทาง : อัยย์ รินทร์
เมฆฝนยังคงแผ่คลุมไปทั่วผืนฟ้า ทั้ง ๆ ที่เม็ดฝนเพิ่งจะหยุดเทลงเมื่อไม่นานนี้เอง ฤดูแห่งความชุ่มฉ่ำกับห้วงอารมณ์ที่รู้สึกขาดหายบางสิ่ง หัวใจถูกตีกรอบไว้ด้วยอารมณ์ ความรู้สึก อยู่กับความคิด เพ้อพร่ำไปกับภาพฝันในวันวาร บางขณะคิดไกลไปถึงอนาคต หลับตาจินตภาพถึงหนทางสายนั้นเราจะย่ำเหยียบไปมันจะถึงปลายทางหรือไม่? หรือเป็นแค่ภาพมายาที่มิอาจสัมผัสได้ถึงความเป็นจริง
เพ่งมองไปที่ในตู้จดหมายเจ้านกน้อยแปรสภาพเป็นรังที่อยู่อาศัย ข่าวสารต่าง ๆ ข้อความจากคนอีกฟากโลกส่งกันถึงโดยไม่ต้องรอคอย
-หมู่บ้านย่านชายขอบเมือง คุ้นเคยกับเสียงแหวกอากาศของนกเหล็กยักษ์ซึ่งเงียบหายมาหลายเดือนและถูกทดแทนด้วยเสียงร้องระงมของหมู่นกบนกิ่งไม้ บนสายไฟพวกมันเริงร่า ไม่หวั่นไหวกับโลกที่หมุนไปตามฤดูกาล เสมือนบทเรียนที่เห็นและสัมผัสได้จากสิ่งแวดล้อมรอบกาย อาจหมายถึงคุณค่าของการมีอยู่
คำเร่งเร้าและปลุกปลอบให้ลุกขึ้น กี่หน กี่ครั้ง “มนุษย์เราถูกทำลายได้ แต่แพ้ไม่ได้” อาจจริงแท้แน่นอนหากก้อนเนื้อของหัวใจคนเรานั้นเข้มแข็ง หยัดยืนในความศรัทธา มุ่งหมายแต่จะดำเนินไปสู่หนทางแห่งความสำเร็จ ทว่าบางทีความพ่ายแพ้กำลังแสยะยิ้มรอคอยอยู่เบื้องหน้า…
เฉกเช่นเดียวกับเจ้าของคำพูดประโยคนั้น ที่พ่ายแพ้ต่อบาดแผลในจิตใต้สำนึกของตนเอง กี่ครั้ง กี่ครา ที่ล้ม ๆ ลุก ๆ ย่ำไปบนหนทางชีวิตที่ขรุขระมนุษย์เอย…
เมื่อยังมีกิเลศ มีความอยากย่อมต้องยอมรับความเจ็บปวดและเรียนรู้การปล่อยวาง
ทุก ๆ ชีวิตล้วนได้รับการปรุงแต่งจากรสทิพย์ แห่งความสุข ความทุกข์ ในวันฟ้าหม่นมัวการโปรยปรายของม่านฝนคือความจริงซึ่งหน้า หากในห้วงหนึ่งของความคิด คาดหวังอยากเห็นฟ้างามหลังห่าฝนล่วงผ่านไป
…บางทีแสงอาทิตย์อาจช่วยให้คราบน้ำตาที่ไหลอาบบนลานแก้มนั้นเหือดแห้ง.
บทบันทึก…ขณะยืนมองฝนตกหนักระหว่างวัน