บันทึกคนหลงทาง : อัยย์ รินทร์

เกลียวคลื่นสะท้อนเงาแสงไฟหลอดนีออน สลับฉากหลังสะพานพระราม ๘ ที่เติมเต็มสิ่งงดงาม ภายในความรู้สึกโล่งสบาย กับสายลมที่พัดผ่านยามย่ำค่ำ…คิดถึงห้วงเวลาหนึ่งของการห่างหายและจำต้องจากบางสิ่งที่คุ้นเคยโดยมิอาจย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก…

ความจริงของใบไม้-แตกกิ่งสาขา ดอกไม้สีสันสวยงามที่เบ่งบานขานรับตะวันยอแสงเผยกลีบงดงามหลากสีสันส่งกลิ่นหอมเย้ายวน ไม่บ่อยนักกับวิถีชีวิต หากไม่กดดันหรือมุ่งหวังอะไรที่เข้มงวดเสียจนไร้ความความเพลิดเพลินบนหนทางที่เลือก อย่ากดดันตัวเองมากจนเกินไป มองรอบๆ ตัวเสหมือนมองกระจกส่องเงาสะท้อนตัวเอง รู้สึกใจหาย ทั้งๆ ที่มันคือเรื่องจริงของของชีวิต คุณ -ผมหรือใครหน้าไหนก็ตาปฏิเสธไม่ได้กับความเปลี่ยนแปลง การเบ่งบานถึงเวลาก็ร่วงหล่น เพื่อจะแตกดอก ใหม่ก็เพื่อตื่นรู้กับความจริง

รู้สึกประทับใจหนังสือเล่มหนึ่งที่ได้อ่าน ส่วนหนึ่งก็คงต้องยกผลประโยชน์ให้กับผู้เขียน แต่อีกส่วนหนึ่งผู้แปลก็ร้อยเรียงภาษาศิลป์ได้อย่างลงตัว ผู้เขียนได้บอกเล่าถึงเพื่อนที่ลาจากไปทีละคน ทีละคน

ไม่ว่าคนเราจะรู้จักกันดีเพียงใดก็ตาม ก็ยังมีความลี้ลับอย่างหนึ่งแฝงอยู่ในชีวิตของอีกฝ่ายหนึ่ง ในช่วงเวลาที่เพื่อนคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ ความลี้ลับนี้ทำให้ยากที่จะเปิดเผยตรงไปตรงมา แต่เมื่อเพื่อนสิ้นชีวิตลงและกลับกลายเป็นอดีตที่สมบูรณ์ ความลี้ลับเหล่านั้นก็หมดความหมาย ผู้ที่มีชีวิตอยู่ก็มีอิสระที่เข้าไป ในชีวิตของเพื่อนได้โดยตรง เป็นข้อเท็จจริงที่น่าเศร้า ซับซ้อนในชีวิตของมนุษย์ ทำให้เราไม่มีโอกาศเปิดเผยอย่างหมดจดต่อกันและกันจนกว่าจะถึงเวลา”โมโกริ”(เป็นความเชื่อของคนญี่ปุ่นโบราณที่ว่า ผู้ตายยังคงดำรงอยู่ระหว่างโลกของผู้ที่ยังอยู่และโลกของผู้ล่วงลับ)  ไดซากุ อิเคดะ

 ณ.ห้องอาหารมื้อกลางวัน ผมนั่งสนทนากับคนคุ้นเคยท่านหนึ่ง เธอจบประเด็นด้วยคำสอนของผู้ผ่านโลก มาค่อนชีวิต “คนเราไม่ว่าจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแค่ไหน ยืนอยู่บนที่สูงที่สุด บางครั้งก็โดดเดี่ยวอ้างว้าง ความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสำเร็จ หรือมีอำนาจ มีเงินล้นฟ้า การทำงานด้วยใจที่เป็นสุข การให้ด้วยใจจริง นั่นแหละคือคนที่ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์ อย่าลืมว่ารายล้อมรอบกายของเราล้วนเป็นสิ่งเกื้อกูลที่หนุนนำ เป็นทั้งเพื่อนคอยปลอบโยน คอยฉุดดึงเราไปในจุดหมาย ที่สำคัญ คุณต้องคิดว่า ทำได้ จงท่องคำว่าเราทำได้ แล้วสิ่งเหล่านี้จะนำพาเราไปสู่หนทางแห่งความสำเร็จ “

เก้าอี้ในสวนสาธารณะยามบ่ายแดดร้อน ตอนนี้ไร้คนนั่งพักพิง ทว่าเวลายามเย็น เก้าอี้เหล่านี้เป็นเสมือนเวทีสนทนาของกลุ่มคนชราผู้เฝ้ามองดู เด็กน้อยวิ่งเล่น คนหนุ่มสาว นั่งพักผ่อนคลายออกกำลังกาย เต้นเอโรบิค คงจะดีถ้าแต่ละห้วงอารมณ์ เปลี่ยนความขื่นขม เติมความสุขด้วยรอยยิ้มแห่งความเบิกบาน แค่ได้เห็น ซึมซับ สัมผัสโลกอันงดงามใบนี้ ก็บรรลุจุดหมาย ส่วนน้ำตา รอยยิ้ม ความสุข ประสบผลสำเร็จ ล้วนเป็นผลกำไร…ของชีวิต